นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินความคาดหมายจะไม่ส่งผลให้ธนาคารเปลี่ยนแปลงแผนนโยบาย ระบุท่าทีของธนาคารเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนั้น ขึ้นอยู่กับแนวโน้มเงินเฟ้อและการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโดยรวม มากกว่าที่จะพิจารณาแค่ตัวเลขที่ได้มีการเปิดเผยออกมา
ผู้ว่าแบงก์ชาติจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวในการประชุมรัฐสภา แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดของแผนนโยบาย
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนได้เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พุ่งขึ้น 2.7% จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% ขณะที่การส่งออกทะยาน 46% และผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบกว่าห้าปี ส่งผลให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันการเงินระหว่างประเทศรายใหญ่ อาทิ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด, โนมูระ โฮลดิ้งส์, ดอยช์แบงก์, เจพีมอร์แกน และโกลด์แมนแซคส์ ต่างก็ออกมาคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดภายใน 3 สัปดาห์นี้ เพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
นายโจวกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงเงินเฟ้อนั้น สูงกว่าที่ทางธนาคารได้คาดการณ์เอาไว้ แต่ก็ไม่ได้สูงกว่ามาก และธนาคารยังสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ พร้อมกล่าวต่อไปว่า การขึ้นดอกเบี้ยนั้นเชื่อมโยงกับตัวเลขเงินเฟ้อ แต่ธนาคารกลางไม่ได้พิจารณาข้อมูลที่เปิดเผยแล้วเป็นหลัก และกล่าวเสริมว่า การร่างนโยบายการเงินนั้น จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลคาดการณ์ล่วงหน้า เพราะใช้เวลาค่อนข้างนานหลายเดือนหรืออาจจะเป็นปีกว่าที่การใช้นโยบายจะเริ่มเห็นผล
หม่า เจียนถัง หัวหน้าสำนักงานสถิติแห่งชาติกล่าวกับผู้สื่อข่าวในการประชุมเดียวกันนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในเดือนก.พ.ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการใช้จ่ายในช่วงตรุษจีน และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะชะลอตัวในเดือนมี.ค.นี้ พร้อมกล่าวว่า "เรายังมีความหวังว่า รัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการควบคุมเงินเฟ้อให้ได้ที่ประมาณ 3% ในปี 2553"
ด้านนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่ากล่าวในการแถลงข่าววันเดียวกันนี้ว่า มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะสร้างความสมดุลในการขยายตัว การจัดการเงินเฟ้อ และความจำเป็นในการปฏิรูปรูปแบบเศรษฐกิจ โดยเงินเฟ้อ ความไม่เสมอภาคด้านรายได้ และการคอร์รัปชั่น ล้วนเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดปัญหาสังคมและความไม่มั่นคงทางการเมือง
นายเหวินกล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังสูงสุด แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความยืดหยุ่นในการบริหารเศรษฐกิจปีนี้ และเพื่อเป็นการรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอและเหมาะสมนั้น การทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล และการจัดการกับการคาดการณ์เงินเฟ้ออย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นจุดประสงค์สำคัญของนโยบายการเงิน