ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าสหรัฐใกล้ที่จะสูญเสียอันดับเครดิต AAA เนื่องจากหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมในคืนวันอังคารที่ 16 มี.ค.ตามเวลาประเทศไทย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.62% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3675 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3761 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.86% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.5052 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5183 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.02% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.480 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 90.460 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0616 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0581 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้น 0.09% แตะที่ 0.9144 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9152 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.09% แตะที่ 0.7017 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7011 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนทุ่มซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานเตือนว่า สหรัฐใกล้สูญเสียอันดับเครดิต AAA เนื่องจากหนี้ต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น พร้อมกับแนะนำว่ารัฐบาลสหรัฐให้เร่งปรับดุลการชำระเงินให้มีความสมดุล ซึ่งจะช่วยให้ภาระหนี้สินปรับตัวลดลงโดยไม่กระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
มูดีส์กล่าวในรายงานเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐมีแนวโน้มที่จะต้องนำงบประมาณมาชำระหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นในปีนี้ และคาดว่าในปีพ.ศ.2554 จนถึง 2556 สหรัฐจะกลายเป็นประเทศที่ต้องแบกรับการชำระหนี้สินต่างประเทศรายใหญ่สุดของโลก นอกจากนี้ มูดีส์ระบุว่าว่า รูปแบบของการขยายตัวและอัตราว่างงานที่สูงขึ้น ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ก็เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น
นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในคืนวันอังคารที่ 16 มี.ค.ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ 0-0.25% เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ส่วนเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา เฟดได้ตัดสินใจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) 0.25% ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากตลาดการเงินและภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น
นอกเหนือจากการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังติดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ. วันพุธ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ