กระทรวงการคลังสหรัฐรายงานว่า จีนและญี่ปุ่น ได้ปรับลดการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐในเดือนม.ค. เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ด้านการเงินในสหรัฐดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเป็นผู้ถือพันธบัตรรายใหญ่สุดของสหรัฐ แม้จีนลดการถือครองพันธบัตรลง 5.8 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 8.89 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ญี่ปุ่นลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐลง 300 ล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 7.654 แสนล้านดอลลาร์
จีนเป็นผู้ซื้อสุทธิพันธบัตรสหรัฐ 3 เดือนซ้อน ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปลายปีพ.ศ.2550 แต่ทางการจีนเริ่มไม่แน่ใจว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังเป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองของโลกได้หรือไม่ และเมื่อไม่นานมานี้ทางการจีนได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐออกมารับประกันมูลค่าพันธบัตร เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการที่จีนและญี่ปุ่นเทขายพันธบัตรของสหรัฐจะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยแล้ว นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของหลายประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงกรีซ อาจทำให้จีนและญี่ปุ่นหันมาถือครองพันธบัตรสหรัฐมากขึ้น
นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน เรียกร้องรัฐบาลสหรัฐได้รับประกันมูลค่าพันธบัตรเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ที่จีนถือครองอยู่นั้นจะได้รับการปกป้อง นอกจากนี้ นายเหวินกล่าวว่า จีนมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความผันผวนของสกุลเงินดอลลาร์และสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ที่จีนถือครองอยู่