สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีนรายงานในวันนี้ว่า จีนเตรียมทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) หรือทดสอบสถานะทางการเงินของอุตสาหกรรม 12 ประเภทภายในประเทศ เพื่อประเมินว่าการปรับขึ้นค่าเงินหยวนจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเหล่านี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายจาง เหว่ย ประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า รัฐบาลควรเลื่อนเวลาการทดสอบเพื่อเปิดทางให้บริษัทส่งออกฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเสียก่อน
นายจางระบุว่า จีนจะทดสอบภาวะวิกฤตกับบริษัทกว่า 1,000 แห่ง ทั้งบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ซึ่งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกและเครื่องจักรมากจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้เซ็นสัญญาเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ต่างๆ และอาจจะประสบกับภาวะขาดทุนหากธนาคารกลางจีนตัดสินใจปรับขึ้นค่าเงินหยวน โดยจะมีการเปิดเผยผลการทดสอบก่อนวันที่ 27 เม.ย.
ทั้งนี้ จีนได้รับแรงกดดันจากประเทศต่างๆนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ปฏิเสธข้อเรียกร้องของนานาชาติที่ต้องการให้จีนยุติการตรึงค่าเงินหยวน โดยระบุว่าเงินหยวนมีมูลค่าต่ำเกินจริง โดยจีนได้ตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับ 6.83 หยวน/ดอลลาร์ตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2551 เพื่อช่วยเหลือบริษัทส่งออกของจีนให้อยู่รอดได้ในยามที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินทั่วโลก
อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนล่วงหน้าระยะ 12 เดือนพุ่งขึ้น 0.1% แตะที่ 6.6651 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเงินหยวนมีแนวโน้มพุ่งขึ้นอีก 2.4% จากอัตราที่ตลาดสปอต 6.8264 หยวน/ดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ในขณะที่ธนาคารกลางจีนพยายามควบคุมราคานำเข้าและยับยั้งภาวะเงินเฟ้อ