สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเผย หนี้ภาคสาธารณะของอังกฤษไต่ขึ้นเหนือระดับ 60% ของจีดีพีแล้ว เนื่องจากหน่วยงานของรัฐกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 1.24 หมื่นล้านปอนด์ (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 1.475 หมื่นล้านปอนด์ แต่สูงกว่าระดับ 8.766 พันล้านปอนด์ในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว
ตัวเลขการกู้ยืมในเดือนก.พ.ทำให้หนี้สินสุทธิของรัฐบาลอังกฤษเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.577 แสนล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็น 60.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และเพิ่มขึ้นจากระดับ 59.9% ในเดือนม.ค. และจากระดับ 50.5% ในเดือนก.พ.ปีก่อน
โดยจนถึงขณะนี้ ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอังกฤษสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคมนี้ อยู่ที่ 9.47 หมื่นล้านปอนด์ เทียบกับ 3.74 หมื่นล้านปอนด์ในปีก่อน ส่วนการกู้ยืมสุทธิอยู่ที่ 1.319 แสนล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 6.65 หมื่นล้านปอนด์ในปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าการกู้ยืมสุทธิไว้ที่ 1.78 แสนล้านปอนด์สำหรับปีงบประมาณนี้
ทั้งนี้ ฐานะการคลังของรัฐบาลอังกฤษกำลังได้รับผลกระทบเนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่นายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รมว.คลังอังกฤษให้คำมั่นว่าจะลดยอดขาดดุลงบประมาณลงให้ได้ครึ่งหนึ่งหากได้เป็นรัฐบาลในสมัยหน้าอีก 4 ปี แต่ระบุว่าการลดยอดขาดดุลในตอนนี้อาจเป็นผลร้ายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษ