กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 457,000 ราย ซึ่งแม้ว่ายังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย แต่ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวแล้ว
การเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์มีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 36,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะร่วงลง 50,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนก.พ.ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.7%
บริษัทบางแห่งในสหรัฐยังคงลดการจ้างงาน รวมถึงบริษัท เชฟรอน คอร์ป ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่ประกาศว่าจะลดการจ้างงาน 2,000 ตำแหน่งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทอีกหลายแห่งที่วางแผนเพิ่มการจ้างงาน รวมถึงบริษัท แอคเซนเจอร์ พีแอลซี ที่วางแผนเพิ่มการจ้างงานกว่า 7,000 ตำแหน่งในสหรัฐ และจะเพิ่มการจ้างงานทั่วโลก 50,000 ตำแหน่งภายในปลายเดือนส.ค.นี้
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปีพ.ศ. 2552 ของสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่ง 5.9% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.7% และขยายตัวดีกว่าที่เพิ่มขึ้น 2.2% ในไตรมาส 3 โดยตัวเลขจีดีพีของสหรัฐในไตรมาส 4 ที่ปรับตัวสูงขึ้นมีสาเหตุหลักจากบรรยากาศการลงทุนในภาคเอกชนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์คงที่นอกภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มฟื้นตัว และการส่งออกที่ทะยานขึ้น 22.4% ในช่วงเวลาดังกล่าว เมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นเพียง 17.8% ในไตรมาสก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์ในตลาดสหรัฐคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 3% ในปีนี้และปีหน้า หลังจากหดตัวลง 2.4% ในปีพ.ศ.2552 ขณะเดียวกันคาดว่าอัตราว่างงานโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 9.6% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับปี 2551 ที่ 5.8% และคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงไปอยู่ที่ 9% ในปีหน้า