ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่ทรงตัวในเดือนก.พ.ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 45.50 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 10,779.17 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.38 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 1,165.83 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 2.19 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 2,391.28 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ โดยยูโรร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 73 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ระดับ 82.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 81.68-82.85 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) เนื่องจากปัญหาหนี้สินของกรีซและความขัดแย้งระหว่างชาติสมาชิกยุโรปในเรื่องการให้ความช่วยเหลือกรีซ ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดบวก 3.30 ดอลลาร์ แตะที่ระดับ 1,127.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,118.20-1,129.50 ดอลลาร์
-- ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) เนื่องจากวิกฤตการณ์ด้านการเงินของกรีซทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร นอกจากนี้ การที่ปัญหาการเงินของกรีซลุกลามกลายเป็นปัญหาทางการเมืองและความขัดแย้งระหว่างผู้นำในกลุ่มชาติสมาชิกยุโรปยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายสกุลยูโรอย่างหนักด้วย
ค่าเงินยูโรดิ่งลง 0.92% แตะที่ระดับ 1.3610 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.3737 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.54% แตะที่ 1.5238 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5321 ปอนด์/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่าหนี้สาธารณะของอังกฤษพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ถูกเทขายอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ รวมถึงหุ้นแกลกโซสมิธไคลน์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 2.01 จุด หรือ 0.04% แตะที่ระดับ 5,642.62 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,619.17-5,660.99 จุด