พาณิชย์ เผย ก.พ.53 ส่งออกโต 23.1%,นำเข้าโต 71.2% เกินดุล 439 ล้านดอลล์

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 19, 2010 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน ก.พ.53 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 14,404 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 23.15% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าขยายตัว 71.2% คิดเป็นมูลค่า 13,964 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าประมาณ 439 ล้านดอลลาร์

ส่วนยอดสะสมช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.8% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกในปีนี้เติบโตที่ 14% หรือมีมูลค่าประมาณ 1.7 แสนล้านดอลลาร์

"โดยภาพรวมแล้ว การส่งออกถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก การส่งออกในเดือนนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังมีสูง และน่าจะทำให้การส่งออกในปีนี้ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งทั้งปีคาดว่าจะได้ตามเป้า 14%"นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าว

สำหรับการส่งออกในเดือน ก.พ.มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกหมวด โดยสินค้าเกษตร/อุตราหกรรมการเกษตรเพิ่มขึ้นถึง 38.4% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 15.2% โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตรที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งในแง่ปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป น้ำตาล ผักผลไม้ เป็นต้น

ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เครื่องอิเล็คทรอนิคส์ ยกเว้นทองคำที่ส่งออกลดลง 88.5% ซึ่งคาดว่าจะมีผลมาจากราคาทองคำเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ตัวเลขการส่งออกทองคำจึงเริ่มลดลง จากที่ก่อนหน้านี้ที่มีการส่งออกทองคำมาก เนื่องจากในตลาดโลกมีราคาสูง

ตลาดส่งออกสำคัญ ยังคงเน้นที่ตลาดหลัก โดยการส่งออกไปตลาดหลักเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และเพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูงถึง 38.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทุกตลาด โดยเฉพาะในตลาดอาเซียนที่เพิ่มขึ้น 73% ในขณะที่การส่งออกไปตลาดใหม่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยตลาดอินเดียขยายตัวสูงสุดถึง 90% ขณะที่ตลาดจีน 75%

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงพาณิชย์จะยังคงยึดนโยบายในการรักษาตลาดเก่าไว้ และรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิม

ด้านการนำเข้าในเดือน ก.พ.ที่เพิ่มขึ้นถึง 71.2% เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจที่ฟืท้นตัว ส่งผลให้มีการขยายการลงทุนด้วยการนำเข้าสินค้าทุน และการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิตในอนาคตมากขึ้น ประกอบกับ โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเริ่มดำเนินการ จึงจำเป็นต้องมีการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบจากต่างประเทศมากขึ้นตาม รวมถึงภาวะเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้มากขึ้น

ในกลุ่มของเชื้อเพลิง นำเข้าเพิ่มขึ้น 45% สินค้าทุนเพิ่มขึ้น 23% สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 45% สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 130% และ กลุ่มยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้น 162%

ด้านนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ มองแนวโน้มการส่งออกยังคงขยายตัวได้ดี โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ ตลาดตลาดต่างประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นปัจจัยที่เอื้ออย่างมากต่อการส่งออกไทย

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเองได้มีการเตรียมความพร้อมด้านการผลิตเพื่อส่งออก หลังจากที่วิเคราะห์แล้วว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และหากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันไม่ยืดเยื้อ ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการส่งออกของไทย ซึ่งส่วนหนึ่งต้องอยู่ที่ความเชื่อมั่นจากประเทศคู่ค้าด้วย อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์แต่ละประเทศไปทำความเข้าใจกับประเทศที่เป็นตลาดส่งออกของไทยแล้ว

"โดยรวมแล้ว การส่งออก การนำเข้า ยังดีอยู่ มาตรการที่รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ทำ ก็จะช่วยบรรเทาผลกระทบเหล่านี้ด้วย"

นายยรรยง กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์มีแนวทางในการดำเนินการ 2 ด้านคือ 1.เป็นการเสนอระดับอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมจากมุมมองการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วงมีผลกระทบต่อการค้าอย่างไร และกระทบต่อกลุ่มใดบ้าง 2.จะพิจารณาช่วยเหลือในด้านการนำเข้าสินค้า

"ต่อไปเราจะนำเสนอเป็นภาพที่ชัดเจนว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมจากมุมมองด้านการค้าระหว่างประเทศ ควรจะเป็นเท่าใด อัตราแลกเปลี่ยนแต่ละช่วงมีผลต่อการค้าอย่างไร และกระทบใครบ้าง...ตราบใดที่การค้ายังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ควรรับฟังกระทรวงพาณิชย์ด้วยว่าอัตราแลกเปลี่ยนควรเป็นเท่าใด"นายยรรยง กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ