World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 19 มีนาคม 2553

ข่าวต่างประเทศ Friday March 19, 2010 16:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 457,000 ราย ซึ่งแม้ว่ายังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย แต่ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวแล้ว

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ทั่วไป ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ ทรงตัวในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดว่าดัชนีซีพีไอทั่วไปเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่ดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนม.ค.

-- ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ตัดสินใจเลื่อนกำหนดการเดินทางเยือนกวม อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย เป็นครั้งที่สอง เพื่อให้ความสำคัญกับการผลักดันร่างปฏิรูปนโยบายสุขภาพให้ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส

-- สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ในปีพ.ศ.2552 ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มปริมาณทองคำในคลังสำรองมากที่สุดในรอบ 46 ปี หรือนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2507 เนื่องจากราคาทองคำทะยานขึ้นยาวนานที่สุดในรอบ 9 ทศวรรษ

-- หนังสือพิมพ์ไชน่า บิสิเนส นิวส์ รายงานในวันนี้ว่า บริษัท กูเกิล อิงค์ อาจถอนฐานธุรกิจออกจากประเทศจีนในวันที่ 10 เม.ย.นี้ โดยคาดว่ากูเกิลจะออกแถลงการณ์เรื่องการถอนธุรกิจในวันที่ 22 มี.ค. และจะเปิดเผยแผนการณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับพนักงานในประเทศจีนของบริษัท กูเกิล ไชน่า ในวันเดียวกันด้วย

-- นายนาโอโตะ คัง รัฐมนตรีกระทรวงคลังญี่ปุ่นเผยญี่ปุ่นจำเป็นต้องทบทวนบทบาทของธนาคารที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและดูแล ซึ่งรวมถึงธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือเจบิค เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยญี่ปุ่นอาจจะต้องมีธนาคารที่สามารถรับความเสี่ยงในการปล่อยเงินกู้ให้กับโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศได้

-- นายฉิน กัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนไม่ได้ต้องการให้คดีพนักงานบริษัท ริโอ ทินโต ถูกนำไปเป็นเรื่องทางการเมือง และส่งผลกระทบด้านลบต่อความสัมพันธ์จีนและออสเตรเลีย

-- บริษัท ริโอ ทินโต และบริษัท อลูมินัม คอร์ปอเรชั่น ออฟ ไชน่า หรือไชนาลโค ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมทุนเพื่อพัฒนาแหล่งทรัพยากรสินแร่เหล็กไซมันดูในแอฟริกาตะวันตก ซึ่งข้อตกลงครั้งนี้ครอบคลุมถึงโครงการก่อสร้างทางรถไฟและท่าเรือ รวมทั้งตัวเหมืองเองด้วย

-- สายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ส (ANA) ซึ่งเป็นสายการบินรายใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า สายการบินอาจขาดทุนมากขึ้นในปีงบการเงิน 2552 ที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.นี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของความต้องการในการเดินทางเป็นไปอย่างเชื่องช้า อย่างไรก็ตาม ในร่างแผนระยะ 2 ปีของสายการบินนั้น ANA คาดว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้อีกในปีงบการเงิน 2553 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนเม.ย.นี้ ทั้งกำไรการดำเนินงานและกำไรสุทธิ เนื่องจากความพยายามในการลดต้นทุนและการดำเนินงานระหว่างประเทศที่ขยายตัวขึ้นสอดคล้องกับการคาดการณ์

-- บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิก ซึ่งเป็นผู้ผลิตทีวีจอแบนรายใหญ่สุดของโลก และผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับสองของโลก คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากเศรษฐกิจในกลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ และประเทศที่กำลังพัฒนาขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ซัมซุงเชื่อว่ายอดขายในปีนี้จะขยายตัวขึ้นในระดับตัวเลขสองหลัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ