รองผอ.ไอเอ็มเอฟเผยชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจเสี่ยงถูกกระทบหนักจากหนี้สาธารณะพุ่งสูง

ข่าวต่างประเทศ Sunday March 21, 2010 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจอห์น ลิปสกี้ รองผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในที่ประชุม China Development Forum ที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า กลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจกำลังเผชิญความท้าทายใหญ่หลวงในการรับมือกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง พร้อมกับแสดงความเห็นว่าการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจไม่ช่วยให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณลดลงไปอยู่ในระดับปกติได้

"ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในกลุ่ม G7 ยกเว้นแคนาดาและเยอรมนี จะมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลขจีดีเกือบจะ หรือ มากกว่า 100% ภายในปีพ.ศ.2557 ส่วนในปีนี้นั้น คาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลขจีดีพีโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับเดียวกับในปีพ.ศ.2493 ซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยปัจจัยที่ทำให้หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นมากมายเช่นนี้มาจากงบประมาณการใช้จ่ายด้านประกันสุขภาพและการจ่ายเงินบำเน็จบำนาญที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณลดลงไปอยู่ที่ระดับปกติได้" นายลิปสกี้กล่าว

กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมารณของสหรัฐในเดือนก.พ.ปีนี้พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.21 แสนล้านดอลลาร์สหัฐ และคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณตลอดปีพ.ศ.2553 จะมีอยู่ถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าจะยังไม่ปรับตัวลดลงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานเตือนว่า อันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในอนาคต นอกเสียจากว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการลดยอดขาดดุลงบประมาณ แต่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ ออกมาตอบโต้ว่า สหรัฐไม่ได้อยู่ในความเสี่ยงจนถึงขั้นที่จะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA แม้คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐจะสูงถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ