นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลนำมาใช้นั้น มีเป้าหมายที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจและกระตุ้นการจ้างงาน ซึ่งเขาเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เศรษฐกิจอังกฤษกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง นอกจากนี้ นายบราวน์เชื่อมั่นว่าภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนยังคงเป็นกลไกสำคัญที่หนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ
"เราบรรลุเป้าหมายการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่เราต้องทำต่อไปก็คือการสร้างรากฐานเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการกระตุ้นการจ้างงาน รัฐบาลจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ และผมอยากอธิบายว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้มีเป้าหมายที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง" นายบราวน์กล่าว
การออกมาแสดงความเชื่อมั่นของนายบราวน์มีขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า หนี้ภาคสาธารณะของอังกฤษพุ่งขึ้นเหนือระดับ 60% ของตัวเลขจีดีพีแล้ว เนื่องจากหน่วยงานของรัฐกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 1.24 หมื่นล้านปอนด์ (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสูงกว่าระดับ 8.766 พันล้านปอนด์ในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว
ตัวเลขการกู้ยืมในเดือนก.พ.ทำให้หนี้สินสุทธิของรัฐบาลอังกฤษเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.577 แสนล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็น 60.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และเพิ่มขึ้นจากระดับ 59.9% ในเดือนม.ค. และจากระดับ 50.5% ในเดือนก.พ.ปีก่อน
ฐานะการคลังของรัฐบาลอังกฤษกำลังได้รับผลกระทบเนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่นายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รมว.คลังอังกฤษให้คำมั่นว่าจะลดยอดขาดดุลงบประมาณลงให้ได้ครึ่งหนึ่งหากได้เป็นรัฐบาลในสมัยหน้าอีก 4 ปี แต่ระบุว่าการลดยอดขาดดุลในตอนนี้อาจเป็นผลร้ายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษ