ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อสกุลเงินยูโร แม้เยอรมนีและผู้นำในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันในเรื่องการให้ความช่วยเหลือกรีซ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ
ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้น 0.15% แตะที่ 1.3551 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3531 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.57% แตะที่ 1.5095 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5010 ปอนด์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.43% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 90.140 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 90.530 เยน/ดอลลาร์ และร่วงลง 0.26% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0581 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0609 ฟรังค์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.29% แตะที่ 0.9180 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9153 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.21% แตะที่ 0.7065 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7080 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนต้องการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง แม้กลุ่มผู้นำในอียูมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเรื่องการให้ความช่วยเหลือกรีซ โดยเฉพาะนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่ยืนกรานว่า กรีซยังไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านการเงิน และผู้นำกลุ่มอียูไม่ควรนำประเด็นการให้ความช่วยเหลือกรีซเข้าสู่ที่ประชุมสุดยอดอียูที่เมืองบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ในวันพฤหัสบดีนี้
ก่อนหน้านี้รัฐบาลเยอรมนีระบุว่า กรีซควรหันไปพึ่งพากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หากจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงิน ซึ่งข้อคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนว่า เยอรมนีมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากบรรดาผู้นำยุโรป รวมถึงนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป และนายโฮเซ บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่เรียกร้องให้ผู้นำอียูทำข้อตกลงข่วยเหลือกรีซในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. และวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.
ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 4 ปีพ.ศ.2552 และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือนมี.ค.