สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อและเป็นดัชนีหลักที่ธนาคารกลางอังกฤษใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ลดลงแตะ 3% ในเดือนก.พ. จากระดับ 3.5% ในเดือนม.ค. ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 3.1%
ทั้งนี้ ตัวเลขซีพีไออังกฤษปรับตัวสูงขึ้นมากในเดือนม.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันและภาษีการขายที่สูงขึ้น โดยรัฐบาลได้ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาอยู่ที่ระดับ 17.5% ในเดือนม.ค. จากที่ได้ปรับลด VAT ลงมาอยู่ที่ระดับ 15% ในช่วง 13 เดือนก่อนหน้านั้นเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค และทำให้มีการคาดการณ์กันว่า อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
อย่างไรก็ดี ตัวเลขซีพีไอล่าสุดทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนเปลี่ยนมุมมองว่า เงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดไปแล้ว และจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2% ภายในสิ้นปีนี้ตามที่ธนาคารกลางอังกฤษได้ตั้งเป้าไว้
สำนักงานสถิติฯระบุว่า ราคาสินค้าและบริการในภาคสันทนาการและวัฒนธรรม อาทิ ของเล่น และ คอมพิวเตอร์ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ซีพีไอต่อปีร่วงลงในเดือนก.พ. ตามมาด้วยภาคการเคหะและการบริการในครัวเรือน ขณะที่เสื้อผ้าและรองเท้ามีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ฮาวเวอร์ อาร์เชอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ซีพีไอเดือนก.พ.ร่วงลงนั้น เป็นเพราะการลดราคาด้านสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ และเนื่องจากราคาอาหารปรับตัวขึ้นน้อยกว่าปีก่อน นอกจากนี้ ร้านค้าปลีกหลายแห่งลดราคาสินค้าน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมาด้วย โดยดัชนีราคาผู้บริโภคที่ร่วงลงมากเกินคาดนี้ อาจช่วยคลายความวิตกของบอร์ดแบงก์ชาติอังกฤษบางรายที่เกรงว่าเงินเฟ้อจะกลายเป็นปัญหา
สำหรับดัชนีราคาผู้ค้าปลีก (RPI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ชี้วัดเงินเฟ้ออีกทางหนึ่งโดยรวมต้นทุนเกี่ยวกับบ้านและเป็นดัชนีที่ใช้ในการเจรจาเรื่องค่าจ้าง ทรงตัวที่ระดับ 3.7% ในเดือนก.พ.
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดสินค้าอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวน ลดลงมาอยู่ที่ 2.9% ในเดือนก.พ. จากระดับ 3.1% ในเดือนม.ค.