เงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ลาดปริวรรตเงินตราโตเกียววันนี้ หลังผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีกล่าวว่า กรีซจำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความต้องการถือครองสกุลเงินยูโร
ขณะเดียวกัน นักลงทุนหันไปถือครองสวิสเงินฟรังค์สวิสที่ปลอดความเสี่ยง เพราะเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจของสวิส ด้านเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงต่อเนื่อง หลังรัฐบาลรายงานตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาส 4 ที่พุ่งสูงเหนือความคาดหมาย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ณ เวลา 10:01 น.ตามเวลาโตเกียว เงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3469 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3499 ดอลลาร์/ยูโรที่ตลาดนิวยอร์กวานนี้ และร่วงลงแตะ 121.80 เยน/ยูโร จากระดับ 122.03 เยน/ยูโร ส่วนเงินดอลลาร์เทรดที่ 90.43 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 90.40 เยน/ดอลลาร์
ด้านเงินฟรังค์ขยายตัวขึ้นสูงสุด 1.4233 ต่อยูโรก่อนที่จะขยับลงมาอยู่ที่ 1.4240 ต่อยูโร จากระดับ 1.4275 ต่อยูโรเมื่อวานนี้
ขณะที่เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.4% แตะที่ 70.46 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และร่วงลง 0.4% แตะ 63.72 เยน/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์ในญี่ปุ่นกล่าวว่า การที่ผู้นำกลุ่มประเทศยุโรปแนะให้กรีซพึ่งพาความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟนั้น แสดงให้เห็นว่าผู้นำชาติยุโรปไม่สามารถแก้วิกฤตหนี้สาธารณะในกรีซได้เอง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้หลายฝ่ายเกิดความไม่มั่นใจต่อสถานะทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป จึงพากันเทขายเงินยูโรออกมา
ทั้งนี้ นางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่ผู้นำประเทศอียูจะต้องตัดสินใจเรื่องการให้ความช่วยเหลือกรีซอย่างเป็นรูปธรรมในสัปดาห์นี้ ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณแห่งความขัดแย้งจากชาติสมาชิกอียูก่อนที่การประชุมสุดยอดอียูจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 25-26 มี.ค.นี้