นายประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า จากการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ ระยะที่ 1 พบว่า มี 3 เส้นทางที่ต้องก่อสร้างในระยะเร่งด่วน ระยะทาง 415 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท
ได้แก่ 1.เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. มูลค่า 11,640 ล้านบาท 2.เส้นทางลพบุรี-นครสวรรค์-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กม. มูลค่า 7,860 ล้านบาท และ 3.เส้นทางนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กม.มูลค่า 16,600 ล้านบาท
"ที่ต้องพัฒนา 3 เส้นทางนี้ก่อน เพราะเป็นจุดที่วิกฤติมาก หากมีระบบทางคู่จะช่วยแก้ปัญหาคอขวดได้มาก ขบวนรถไฟสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือไม่ต้องเสียเวลารอหลีกเช่นในปัจจุบัน ส่งผลให้ความเร็วรถเพิ่มขึ้น ประกอบกับวงเงินลงทุนอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปลายปีนี้" นายประณต กล่าว
ในส่วนของเส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระนั้นมี 2 ทางเลือก คือ ใช้เส้นทางรถไฟเดิมในปัจจุบัน ซึ่งมีข้อดีคือแนวเส้นทางส่วนใหญ่อยู่ในเขตทางรถไฟ ไม่ต้องจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่มมากนัก และลดต้นทุนการขนส่งและเวลาในการเดินทาง แต่มีข้อเสียคือต้องผ่านพื้นที่อ่อนไหว ทั้งพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1 บี และพื้นที่ป่าอนุรักษ์
หรือทางเลือกที่ 2 คือ ใช้แนวเส้นทางของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา เพื่อเลี่ยงพื้นที่อ่อนไหวดังกล่าว แต่จะต้องจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่มขึ้นตลอดแนวที่เลี่ยงออกจากเส้นทางเดิม
รองผู้อำนวยการ สนข.กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ บริษัทที่ปรึกษาต้องจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) จะต้องจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียด รวมทั้งสรุปประมาณการค่าก่อสร้าง และวิธีการก่อสร้าง เพื่อเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนเปิดประกวดราคาต่อไป