ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นหลังจากมีข่าวว่าสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตโปรตุเกสลง 1 ขั้น เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลโปรตุเกสร่วงลงอย่างหนักในปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยูโรยังถูกดดันจากความไม่แน่นอนที่ว่าที่ประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (อียู) จะตกลงให้ความช่วยเหลือกรีซหรือไม่
ค่าเงินยูโรดิ่งลง 1.30% แตะที่ระดับ 1.3322 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3498 ยูโร/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์ร่วงลง 1.04% แตะที่ 1.4882 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5038 ปอนด์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.96% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.180 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 90.410 เยน/ดอลลาร์ และทะยานขึ้น 1.53% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0729 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0567 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.12% แตะที่ 0.9082 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9185 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.68% แตะที่ 0.7020 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7068 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์จากธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ กล่าวว่า นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรเนื่องจากปัญหาด้านการเงินของหลายประเทศในยุโรป รวมถึงกรีซและโปรตุเกส โดยเมื่อวานนี้ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชือถือของโปรตุเกสลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA- จากระดับ AA เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลโปรตุเกสร่วงลงอย่างหนักในปีที่แล้ว พร้อมกับประเมินว่าเศรษฐกิจโปรตุเกสจะฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่นๆที่ใช้สกุลเงินยูโร
นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังถูกกดดันจากปัญหาการเงินของกรีซ รวมถึงการที่กรีซยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนว่าที่ประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (อียู) จะตกลงให้ความช่วยเหลือกรีซหรือไม่ โดยการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ ขณะเดียวกันมีรายงานว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.ร่วงลง 2.2% แตะที่ระดับ 308,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 4 ปีพ.ศ.2552 และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือนมี.ค.