นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ CNN ว่า สหรัฐไม่สามารถบังคับให้จีนปรับเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนได้ อย่างไรก็ตาม เขาคาดหวังว่าจีนอาจจะปรับขึ้นค่าเงินหยวนในอนาคต
"จีนเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง ดังนั้น การตัดสินใจเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนย่อมเป็นอำนาจในการตัดสินใจของจีนเองด้วย สหรัฐไม่สามารถบีบบังคับให้จีนทำในเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ผมคาดว่าท่าทีของจีนจะดีขึ้น เพราะจีนมีความเข้มแข็งมากขึ้นในฐานะประเทศที่มีความเป็นอิสระ" ไกธ์เนอร์กล่าวแสดงความคิดเห็นกับสถานีโทรทัศน์ CNN
นอกจากนี้ ไกธ์ยังให้สัมภาษณ์กับรายการ Fox Business ในวันเดียวกันว่า เขาไม่มีความวิตกังวลกับข่าวที่ว่าสหรัฐจะทำสงครามการค้ากับจีน แต่สิ่งที่สหรัฐจะทำคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทของสหรัฐว่า พวกเขาจะสามารถแข่งขันกับบริษัทจีนในตลาดการค้าโลกได้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ที่ผ่านมานั้นสหรัฐกดดันให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน โดยเฉพาะวุฒิสมาชิกสหรัฐที่เสนอให้มีการใช้กฎหมายบังคับให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน เพราะเห็นว่าเงินหยวนมีมูลค่าต่ำเกินจริง ซึ่งกฎหมายดังกล่าวรวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
ด้านนายจอง ชาน รมช.พาณิชย์ของจีนกล่าวในที่ประชุมสมาคมหอการค้าสหรัฐว่า การปรับขึ้นค่าเงินหยวนไม่ได้ช่วยให้ปัญหาการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหมดไปได้ ซึ่งจีนคิดว่าแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหานี้ไม่ใช่การจดจ่ออยู่ที่ค่าเงินหยวนของจีน แต่ควรมุ่งไปที่การแก้ไขนโยบายการเงินของสหรัฐมากกว่า เพราะการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ในปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจทั่วโลก
นายเฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน และระบุว่าสหรัฐเองที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดช่องว่างทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
"หากวิเคราะห์ทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติจะพบว่า การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งปรับขึ้นค่าเงินจะมีผลกระทบต่อการค้าแค่ในกรอบที่จำกัดเท่านั้น และหากทางสหรัฐระบุว่าจีนปั่นค่าเงินหรือกดเงินหยวนให้ต่ำเกินจริงเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า และหากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้ากับจีน จีนก็คงไม่อยู่เฉยแน่ เราจะใช้มาตรการโต้ตอบทันที" นายเฉินกล่าว