เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เปิดเผยในรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของเวียดนามพุ่งขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่ากังวล ซึ่งนอกจากจะสร้างแรงกดดันให้กับเวียดนามเองแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามรายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 9.46% ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี และมากกว่าเดือนก.พ.ที่เพิ่มขึ้น 8.46% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจกดดันให้ธนาคารกลางเวียดนามปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้
นายเวลเลียน วิรันโต นักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซีกล่าวว่า ดัชนีซีพีไอในหลายประเทศของเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงดัชนีซีพีไอของอินเดียและจีนที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนในเดือนก.พ. ขณะที่ดัชนีซีพีไอของเวียดนามก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันให้กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงไทย ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ด้วย
สำนักงานสถิติเวียดนามคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาซีพีไอจะขยายตัวขึ้น 8.51% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาส 1 ปีนี้ และเมื่อเทียบเป็นรายเดือนแล้ว คาดว่า ดัชนีซีพีไอจะขยายตัว 0.75% เมื่อเทียบกับดัชนีเดือนก.พ.
ธนาคารกลางเวียดนามได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8% นับตั้งแต่เดือนธ.ค.เป็นต้นมา ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ออกรายงานในเดือนนี้ว่า เวียดนามจำเป็นต้องใช้นโยบายคุมเข้มด้านเงิน พร้อมกับให้แนวโน้มเครดิตที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจเวียดนาม ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนามได้ลดค่าเงินดองแล้วสองครั้งนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2552 โดยมีเป้าหมายที่จะลดยอดขาดดุลการค้าที่เป็นปัจจัยคุกคามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะเงินดองที่มีมูลค่าลดลงจะช่วยให้กลุ่มผู้ส่งออกของเวียดนามมีกำไรมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ