เนชั่นแนล บิสิเนส เดลี่ รายงานว่า มีข่าวลือแพร่สะพัดในตลาดออกมาว่า ธนาคารกลางจีนเตรียมที่จะขึ้นเพดานกันสำรองในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่แผนกสื่อมวลชนของธนาคารกลางจีนปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หนิง หยู นักวิเคราะห์ของตงกวน ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า ปัจจัยบ่งชี้ในตลาดเงินนั้นไม่ได้สนับสนุนให้มีการขึ้นเพดานกันสำรองแต่อย่างใด อันดับแรกเป็นเพราะธนาคารกลางจีนได้สนับสนุนเรื่องการถอนมาตรการตลาดเปิด โดยได้ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จะเพิ่มระดมทุน 1.60 แสนล้านหยวนผ่านการเสนอขายพันธบัตรอายุ 3 เดือนในวันนี้ หลังจากที่ได้เปิดขายพันธบัตรมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเองก็ได้กล่าวเมื่อเร็วๆนี้ว่า จีนอาจจะขาดดุลการค้า 8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งอาจจะทำให้จีนลดการลงทุนในเงินตราต่างประเทศ และท้ายที่สุดคือ ธนาคารต่างๆได้คุมเข้มการปล่อยเงินกู้ในเดือนมี.ค. ซึ่งอาจจะช่วยลดสภาพคล่องที่สูงเกินไปในตลาดลง
นักวิเคราะห์ของตงกวนกล่าวว่า ปัจจัยทั้ง 3 ประเด็นนี้ถือเป็นการสวนทางกับการคาดการณ์เรื่องการขึ้นเพดานสำรอง
อย่างไรก็ดี หลี่ ชานชาน จากโปคอม อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า โอกาสที่แบงค์ชาติจีนจะขึ้นเพดานกันสำรองนั้นเป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถปฏิเสธได้
กัวไถ่ แอนด์ จูหนาน ซิเคียวริตีส์ คาดการณ์ว่า จีนอาจจะขึ้นเพดานกันสำรอง 4 ครั้งในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวของการส่งออก และคาดการณ์ว่า แบงค์ชาติจีนอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งอาจจะเป็นช่วงปลายเดือนเม.ย.
ขณะที่ชู เจียนเฟิง หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจมหภาคของซิติค ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับเพดานกันสำรอง ซึ่งถือเป็นวิธีการปกติในการควบคุมสภาพคล่องที่สูงเกินไป อันเนื่องมาจากยอดเกินดุลการค้า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งปริมาณเงินทุนจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศ