พณ.ระดมทูตพาณิชย์อาเซียน 9 ปท.เจาะลึกโอกาสการค้า-การลงทุนรับมือ AEC

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 26, 2010 11:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระศักดิ์ จินารัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงโอกาสในด้านการค้าการลงทุนที่จะมีมากขึ้นหลังมีการจัดตั้งเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงได้กำหนดนโยบาย “ASEAN First Policy" เพื่อส่งเสริมยุทธศาสตร์ในการสร้างพันธมิตรในระดับภูมิภาค สร้างโอกาส และลู่ทางในด้านการค้าและการลงทุน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการในประเทศให้สามารถปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยเริ่มดำเนินการจัดงานเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ : มุ่งสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ International Trade Day : Trade, Investment, and Tourism Cooperation towards AEC และเชิญทูตพาณิชย์อาเซียนประจำประเทศไทย รวม 9 ประเทศ ได้แก่ บรูไน พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ลาว เวียดนาม มาเลเซีย และผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ของไทย มาบรรยายพิเศษเรื่องศักยภาพการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวใน 10 ประเทศอาเซียน พร้อมให้คำปรึกษาเชิงลึกในรายประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินงานของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดกลยุทธ์เชิงรุกและเชิงรับ เพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างโอกาสด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในสาขาธุรกิจที่มีโอกาสหรือศักยภาพในกลุ่มประเทศอาเซียนต่อไป

หลังบรรลุข้อตกลงความร่วมมือประกาศจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) เพื่อร่วมกันขจัดอุปสรรคทางการค้าแล้ว ส่งผลให้ตลาดอาเซียนกลายตลาดส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของไทย นำหน้าตลาดดั้งเดิมอย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น โดยในปี 2552 ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าการค้ารวมกับประเทศอาเซียน 9 ประเทศ คิดเป็นมูลค่า 57,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยส่งออกไปอาเซียนเท่ากับ 32,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้าจากอาเซียนเท่ากับ 24,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นตัวเลขได้ดุลการค้ามูลค่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ปัจจุบัน ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือในการจัดตั้ง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC (ASEAN Economic Community) เพื่อมุ่งสู่ความเป็นหนึ่งเดียวของตลาดและฐานการผลิตในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นหลักการสร้างความร่วมมือในเชิงลึกและกว้างขวางมากขึ้น เพื่อบรรลุข้อตกลงเปิดเสรีการค้าภายในปี 2558 ผ่านแนวทางการกำหนดมาตรการลดภาษีสินค้าในสาขาสำคัญสำหรับประเทศสมาชิก สนับสนุนการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ เงินทุนและแรงงานฝีมืออย่างเสรี นับเป็นมิติใหม่ของการเปิดเสรีที่มีความก้าวหน้า มีความชัดเจนในเงื่อนไข กฎระเบียบ รวมถึงมีมาตรการที่จะให้ความคุ้มครองการลงทุนที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน และดึงดูดเงินลงทุนเข้ามาสู่ภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น

"สมาชิกอาเซียนทุกประเทศจะได้รับประโยชน์ร่วมกันจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งในแง่ของการลดอุปสรรคทางการค้า สร้างอำนาจต่อรองที่แข็งแกร่ง ช่วยสร้างรายได้ที่แท้จริงของอาเซียนให้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.3 หรือคิดเป็นมูลค่า 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมากกว่ารายได้จากการบรรลุเป้าหมายของอาฟต้าถึง 6 เท่า และที่สำคัญยังเป็นการเปิดโอกาสด้านการค้าการลงทุนให้กับภาคธุรกิจและผู้ประกอบการไทยจำนวนมากที่มีศักยภาพและสามารถแข่งขันในเวทีการค้าระดับสากลได้"นายวีระศักดิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ