ผู้ว่าฯแบงค์ชาติออสเตรเลียเผยราคาบ้านในปท.ค่อนข้างสูง ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก

ข่าวต่างประเทศ Monday March 29, 2010 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกล็น สตีเวน ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวให้สัมภาษณ์ทางรายการโทรทัศน์ Seven Network ในวันนี้ว่า ราคาบ้านในออสเตรเลียอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง พร้อมกับส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางอาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยย้ำว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ใน "ระดับปกติ" ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

"การปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำยาวนานเท่าที่จำเป็น ถือเป็นการดำเนินการที่ไม่ฉลาด นั่นหมายถึงการที่ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำนานเกินไปเพื่อเอาใจประชาชน แต่เมื่อถือคราวจำเป็นก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบฉบับพลันและเหนือความคาดหมาย" นายสตีเวนกล่าว

อาร์พี ดาต้า-ริสก์มาร์ค ซึ่งเป็นบริษัทติดตามความเคลื่อนไหวในภาคอสังหาริมทรัพย์ของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ราคาบ้านในออสเตรเลียทะยานขึ้น 11.8% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายเดือนม.ค.ปีนี้ ซึ่งนายสตีเวนกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ราคาบ้านอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ผมมีลูกๆที่ในอีกไม่กี่ปีพวกเขาก็จะต้องมีบ้านเป็นของตนเอง เมื่อราคาบ้านสูงเช่นนี้ ลูกหลานของพวกเราจะมีกำลังซื้อได้อย่างไร"

นอกจากนี้ นายสตีเวนเตือนเรื่องการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และกล่าวว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว

"ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า การคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เมื่อการใช้มาตรการฉุกเฉินจบสิ้นลงและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจค่อยๆกลับสู่ภาวะปกติ การคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำนานเกินไปจึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนัก" ผู้ว่าการแบงก์ชาติออสเตรเลียล่าว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 4.0% ในการประชุมเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในการประชุม 5 ครั้ง หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนม.ค. 2553 ขยายตัวขึ้น 1.2% และภาคเอกชนของออสเตรเลียเพิ่มการจ้างงาน 52,700 ตำแหน่งในเดือนม.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 15,000 ตำแหน่ง และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่อัตราว่างงานเดือนม.ค.ลดลงสู่ระดับ 5.3% จากเดือนธ.ค.ที่ 5.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ