สตีเฟน สมิธ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า การที่ศาลจีนตัดสินจำคุกนายสเติร์น หู ผู้บริหารสาขาประเทศจีนของบริษัทริโอ ทินโต เป็นเวลา 10 ปีในข้อหารับสินบนและขโมยความลับทางธุรกิจ ถือว่ารุนแรงมาก
การแสดงความเห็นของนายสมิธมีขึ้นภายหลังจากที่วันนี้ ศาลในนครเซี่ยงไฮ้ได้ตัดสินจำคุกนายสเติร์น หู หัวหน้าสำนักงานสาขาเซี่ยงไฮ้ของบริษัท ริโอ ทินโต ซึ่งเป็นบริษัทสินแร่เหล็กรายใหญ่ระดับโลกของออสเตรเลีย โดยหูได้รับโทษจำคุก 7 ปีจากคดีรับสินบน และ 5 ปีจากคดีขโมยความลับทางธุรกิจ แต่ได้รับการลดหย่อนโทษจำคุกลงเหลือ 10 ปี เพราะเขายอมรับสารภาพในข้อหารับสินบน ส่วนพนักงานชาวจีนอีก 3 ราย ได้แก่ หลิว ไค่กุย, หวัง หยง. และเก้อ หมินเฉียงถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 7-14 ปีในข้อหาเดียวกัน
สมิธกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในออสเตรเลียว่า มีหลักฐานแน่นหนาว่า นายหูทำผิดจริงในข้อหารับสินบน เพราะเขายอมรับผิดด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียยังคลางแคลงใจเกี่ยวกับคดีล้วงความลับ เพราะการพิจารณาคดีนี้มีขึ้นอย่างลับๆ
นายสมิธกล่าวว่าเวลาจะบอกเองว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อจีนหรือการทำธุรกิจในต่างประเทศของจีนหรือไม่ แต่ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีน
นายสมิธกล่าวต่อไปว่าออสเตรเลียยังไม่ได้ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษกับจีน แต่ถึงจะทำข้อตกลงนายหูก็อาจไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการพิจารณา
ทั้งนี้ นายหูและพนักงานทั้ง 3 คนถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการในเดือนที่แล้ว ก่อนที่การพิจารณาคดีจะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ก่อน ซึ่งศาลตัดสินว่าจำเลยทั้ง 4 คนมีความผิดฐานใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อหาประโยชน์ให้กับผู้อื่น หรือรับเงินจำนวนมากจากบริษัทเหล็กในจีนโดยผิดกฎหมาย นอกจากนั้นยังล่อลวงผู้บริหารจีนด้วยการให้คำมั่นสัญญาหรือใช้วิธีที่ผิดกฎหมายอื่นๆ ในการให้ได้มาซึ่งความลับทางการค้าของบริษัทนั้นๆ ในหลายวาระ ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงต่อบริษัทจีน
การตัดสินจำคุกพนักงานทั้ง 4 คนของริโอ ทินโต ก่อให้เกิดคำถามเรื่องความปลอดภัยในการลงทุนในจีน โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลียได้เตือนว่า โลกธุรกิจกำลังติดตามการคลี่คลายคดีนี้อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม จีนยังยืนยันว่าตั้งใจจะสร้างสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจที่เปิดกว้าง ยุติธรรม และถูกต้อง