ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งหลังสหรัฐเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 31, 2010 07:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและฟรังค์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ที่พุ่งขึ้นเกินคาด ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากรายงานตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวขึ้น ส่วนค่าเงินยูโรทรงตัวเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของหลายประเทศในยูโรโซน

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.42% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.830 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 92.440 เยน/ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0660 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0623 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรบวกเพียง 0.01% ที่ระดับ 1.3412 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3410 ยูโร/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้น 1.10% ที่ระดับ 1.5064 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4900 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.12% แตะที่ระดับ 0.9183 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9172 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.04% แตะที่ระดับ 0.7093 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7090 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพราะเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 52.5 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 46.4 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50 จุด ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ ที่ระบุว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองใหญ่ๆปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่แปด

ขณะที่ค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2552 ที่ได้รับการปรับทบทวนใหม่ เป็นขยายตัว 0.4% ดีกว่าที่ประเมินไว้สองครั้งก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลผลิตที่สูงขึ้นในภาคบริการ การก่อสร้าง และการเกษตร

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจอังกฤษหลุดพ้นจากภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่หดตัวติดต่อกันมาหกไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันหกไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปีพ.ศ.2498 ทั้งนี้ อังกฤษเป็นประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ที่หลุดพ้นจากภาวะถดถอยเป็นลำดับสุดท้าย หลังจากที่ฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐ และ ญี่ปุ่น ต่างแซงหน้ากันไปก่อนแล้ว นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.พ. และวันพฤหัสบดีกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 คน และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 9.7% เพราะได้แรงหนุนจากโครงการจ้างพนักชั่วคราวของภาครัฐเพื่อทำการสำรวจจำนวนประชากรครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุก 10 ปีในปีนี้ รวมถึงสภาพอากาศที่ดีขึ้นทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ