นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เผยภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.พ.) มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาวะเศรษฐกิจในเดือน มี.ค.อาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บ้าง ซึ่งรัฐบาลจะติดตามแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด
ส่วนการแก้ไขปัญหาการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว และกำลังเดินหน้าตามขั้นตอนที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งหากรัฐบาลสามารถดูแลปัญหาการเมืองให้สงบได้ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาเดินหน้าได้ต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยังเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กับการแก้ไขปัญหาการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยจากการติดตามผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบให้กับประชาชนในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าผลการดำเนินงานในหลายพื้นเป็นที่น่าพอใจ มีการโอนหนี้เข้ามาอยู่ในระบบธนาคารได้จำนวนมากแล้ว แต่ก็พบว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังหามาตรการแกไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนในรอบที่ 2 เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้น้อยได้รับการดูแลอย่างกว้างขวางมากขึ้น
นอกจากนี้จะนำแผนการปรับโครงสร้างหนี้สินเกษตรกรเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ เพื่อแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกของกองทุนฟื้นฟูกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จำนวนมากกว่า 5 แสนราย