ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: วิตกปัญหาหนี้กรีซ ฉุดยูโรร่วงเทียบดอลล์

ข่าวต่างประเทศ Wednesday April 7, 2010 07:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลกรีซเตรียมเสนอให้มีการปรับเงื่อนไขการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพราะเกรงว่าไอเอ็มเอฟอาจตั้งเงื่อนไขที่เข้มงวดมากเกินไป ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและการคลังของกรีซ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.59% แตะที่ 1.3403 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3483 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดิ่งลง 0.09% แตะที่ 1.5276 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5290 ปอนด์/ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.65% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.690 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 94.300 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.59% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0683 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0620 ฟรังค์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.72% แตะที่ 0.9282 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9216 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.40% แตะที่ 0.7064 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7036 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

นักลงทุนกระหน่ำขายสกุลเงินยูโรหลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลกรีซเตรียมเสนอให้มีการปรับเงื่อนไขการกู้ยืมเงินจากไอเอ็มเอฟ เพราะเกรงว่าไอเอ็มเอฟอาจตั้งเงื่อนไขที่เข้มงวดมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้กรีซประสบความยากลำบากในการชำระคืนเงินกู้ ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าสถานะการคลังและปัญหาหนี้สินของกรีซอาจย่ำแย่ลงไปอีก

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 4.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นมา โดยธนาคารกลางมีเป้าหมายที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้กลับสู่ภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศ

ส่วนค่าเงินปอนด์ร่วงลงเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งในอังกฤษซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 6 พ.ค.นี้ โดยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนบ่งชี้ว่า ชาวอังกฤษชื่นชมการทำงานของพรรคอนุรักษ์นิยมมากกว่าพรรคแรงงาน แต่ส่วนต่างของคะแนนนิยมครั้งนี้ยังไม่มากพอที่จะรับประกันได้ว่านายเดวิด คาเมรอน หัวหน้าอนุรักษ์นิยม จะมีชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรครัฐบาล พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะนำแผนการต่างๆออกมาใช้เพื่อเอาใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ