ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค. โดยเฟดย้ำว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เฟดยังคงต้องติดตามสถานการณ์ด้านเงินเฟ้อและฟองสบู่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะไม่ส่งผลให้เกิดภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์และในตลาดหุ้น
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดระบุในรายงานการประชุมว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในกรอบ 0 - 0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจขยายตัวได้แข็งแกร่งเพียงใด หากเศรษฐกิจมีการขยายตัวแข็งแกร่งและส่งสัญญาณว่าอาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ เฟดก็อาจจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เฟดมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยง
นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดประกาศจับตาสถานการณ์ในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจจะมีขึ้นในระยะเริ่มแรก โดยเฉพาะราคาสินทรัพย์และระดับการปล่อยเงินกู้ของสถาบันการเงิน
ส่วนการประเมินภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปนั้น เฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้ยังคงซบเซา และตลาดสินเชื่อยังคงตึงตัว ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโดยรวม โดยอัตราว่างงานในสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 9.7% ในเดือนมี.ค. แม้ตัวเลขจ้างงานในเดือนดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น 162,000 อัตราก็ตาม
เฟดยังกล่าวด้วยว่า แม้รัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปีที่แล้ว แต่กิจกรรมการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา และคาดว่าอัตราการยึดบ้านหลุดจำนองในสหรัฐจะปรับตัวขึ้นอีก เนื่องจากภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและการที่ผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก
ในการประชุมนโยบายของเฟดซึ่งมีขึ้นไปเมื่อวันที่ 16 มี.ค.นั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0 - 0.25 % และยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ต่อไปอีกราว 6 เดือน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ส่วนการประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 27-28 เม.ย.นี้