นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อไปจนถึงหลังเทศกาลสงกรานต์ ก็อาจจะขอทบทวนดูและอาจจะมีการปรับให้เหลือการเติบโตเพียงแค่ตัวเลขหลักเดียวจากปีก่อน
โดยเมื่อปลายปี 52 ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 12% แตะ 15.6 ล้านคน จาก 14.9 ล้านคนปีก่อน ขณะที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 20% แต่จากสถานการณ์ทางการเมืองและเหตุการณ์ในช่วงเดือน มี.ค.ที่มีการปิดถนนย่านราชประสงค์ ทำให้พบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างวันที่ 15-21 มี.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียง 7% ลดลงจากก่อนช่วงวันที่ 12 มี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อเป็นระยะเวลานานตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ปัจจุบันเติบโตเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 7% ก็อาจจะไม่เห็นตัวเลขการเพิ่มขึ้น หรือเป็น 0% ใกล้กับปีก่อน โดยหวังว่าการชุมนุมจะยุติได้โดยเร็ว ซึ่งสถานการณ์การวางระเบิดและข่าวต่างๆในแต่ละวันทำให้ความมั่นใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้สนามบินสุวรรณภูมิภาคคิดเป็น 70% ของนักท่องเที่ยวในประเทศ และอีก 30% ก็เดินทางมาโดยทางอื่น ซึ่งพบว่าก่อนการชุมนุมมีจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 3.5 หมื่นคนต่อวัน และหลังเกิดเหตุการณ์ลดลง 15% มาอยู่ที่ 2.9 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งประเมินว่านักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปประมาณ 10.05% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด" นายกงกฤช กล่าว
อย่างไรก็ดี ตามสถิติช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นปีละ 6-7% แม้ว่าในบางปีจะติดลบบ้าง แต่ก็จะพบว่าในปีถัดไป นักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะกลับเข้ามาชดเชยตัวเลขที่หายไป สะท้อนว่าประเทศไทยยังมีจุดแข็งและนักท่องเที่ยวยังมีความต้องการเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยอยู่ ซึ่งโดยเฉลี่ยประเทศไทยก็เติบโตใกล้เคียงกับภูมิภาคเอเชียที่โตประมาณ 5-6%
ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า การเมืองภายในประเทศที่ยืดเยื้อทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีความวิตกกังวล รวมถึงยังทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งพบว่านักท่องเที่ยวจีนในแต่ละปีมีความต้องการที่จะไปท่องเที่ยวในต่างประเทศสูง ซึ่งประเทศที่ไปมากที่สุดคือ ประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งหากการเมืองไทยไม่ยืดเยื้อและสงบจะทำให้ไทยสามารถที่จะดึงมาร์เก็ตแชร์นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวกลับมาเที่ยวในประเทศไทยได้
ด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวถึงผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ว่า อยากให้การแก้ปัญหาวิกฤตทางการเมืองเมืองได้ข้อสรุป เพราะปัจจุบันโรงแรมย่านราชประสงค์ประมาณ 10 แห่ง ได้รับผลกระทบมากจนส่งผลให้รายได้ลดลงถึงประมาณวันละ 50 ล้านบาท
"มีทั้งนักท่องเที่ยวเช็คเอ้าท์ก่อนกำหนด และบางรายก็ยกเลิกการเข้าพัก รวมถึงยังมีการยกเลิกการจัดประชุมกลุ่มย่อยอีก ซึ่งพบว่ายอดยกเลิกในช่วงสงกรานต์เชื่อว่าน่าจะมีอยู่บ้าง เพราะตั้งแต่เริ่มการชุมนุมก็ไม่มียอดการจองห้องพักใหม่เข้ามาเลย โดยยอดจองห้องพักในมือ 20-30% ก็อาจจะได้รับผลกระทบหากการชุมนุมยืดเยื้ออาจจะเหลือแค่ตัวเลขเพียงหนึ่งหลัก" นายประกิจ กล่าว
ด้านนายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาส่งผลต่อการจัดงานรวม 13 งาน ทำให้สูญเสียรายได้ประมาณ 400-450 ล้านบาท(งานเฉพาะส่วนที่ สสปน.ดูแล) โดยงานส่วนใหญ่เป็นการประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล แต่ถ้าหากรวมการจัดงานกลุ่มย่อยก็มีการยกเลิกไปประมาณ 5-10% หรือประมาณ 300-400 ล้านบาท ดังนั้นประเมินคร่าวๆ มีมูลค่าที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าย่านราชประสงค์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจมักจะมีการจัดประชุมใหญ่ๆ