ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดจีดีพีปีนี้โต 3.5-6.0% แม้การเมืองฉุดแต่ส่งออกแกร่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 7, 2010 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะมีอัตราการขยายตัวในกรอบประมาณ 3.5-6.0% สูงขึ้นจาก 3.0-4.0% ที่คาดการณ์ไว้เดิมเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.แม้ผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองจะสร้างความสูญเสียให้แก่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงระหว่าง 0.2-1.5% ของจีดีพี หรือคิดเป็นมูลค่า 23,000-150,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและความรุนแรงของสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

"เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1/2553 อาจจะขยายตัวสูงประมาณ 8.0-9.0 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบไม่ต่ำกว่า 6 ปี โดยหากตัวเลขอัตราการขยายตัวของจีดีพีสูงเกิน 8.4 เปอร์เซ็นต์ จะนับเป็นอัตราที่สูงสุดในรอบกว่า 14 ปี ซึ่งการขยายตัวสูงดังกล่าวนี้จะมีส่วนช่วยดึงกรอบการเติบโตของเศรษฐกิจไทยทั้งปีให้สูงขึ้นตามไปด้วย โดยได้ประเมินผลกระทบทางการเมืองรวมเข้าไว้แล้วก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จีดีพีทั้งปีจะขยายตัวสูงกว่ากรอบประมาณการเดิม" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปี 53 เริ่มต้นด้วยการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเหนือความคาดหมายในไตรมาสแรก โดยมีกลจักรขับเคลื่อนสำคัญจากการส่งออกที่มีแรงผลักดันมาจากการเติบโตอย่างเข้มแข็งของเศรษฐกิจโลก และการขยายการค้าภายในภูมิภาคภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอันเป็นแรงส่งให้การผลิตในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสาขาเศรษฐกิจที่มีความสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจไทยนั้น ขยายตัวสูงอย่างมากในไตรมาสแรก และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ต่อเนื่องในไตรมาสถัดๆ ไปต่อเนื่องจากการเติบโตสูงของเครื่องชี้เศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุนในช่วง 2 เดือนแรก

การที่ตัวเลขอัตราการขยายตัวของจีดีพีสูงกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานตัวเลขที่สูงในไตรมาสแรก ขณะที่ความเสี่ยงทางการเมืองจะกดดันให้เศรษฐกิจในไตรมาสถัดๆ ไปชะลอตัวลง และหากปัญหาทางการเมืองยังคงยืดเยื้อและมีความรุนแรงจะยิ่งบั่นทอนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีในไตรมาสแรกและเฉลี่ยตลอดทั้งปีนี้ไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างมั่นคงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องยอมรับว่าการเติบโตสูงในช่วงปีนี้มีน้ำหนักเอียงไปที่ธุรกิจส่งออกที่ขับเคลื่อนโดยผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีโดยเฉลี่ยแล้วอาจมีศักยภาพการเติบโตที่น้อยกว่า โดยเฉพาะธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่อาจจะได้รับผลกระทบหนักจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง

นอกจากนี้ การพึ่งพาการส่งออกเป็นแรงขับเคลื่อนหลักเพียงอย่างเดียวยังสะท้อนความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเปราะบางต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ขณะที่หากการเมืองยังคงไร้เสถียรภาพก็จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อเนื่องไปยังปีข้างหน้า และจะยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ