ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) หลังจากนายโธมัส โฮนิก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ ออกมาแสดงความวิตกกังวลที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำนานเกินไป พร้อมกับแนะนำให้เฟดพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าต้นทุนการกู้ยืมในสหรัฐอาจปรับตัวสูงขึ้นและอาจเหนี่ยวรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจซบเซาในยุโรป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 72.47 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 10,897.52 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.99 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 1,182.45 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลง 5.65 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 2,431.16 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงหดตัวแม้มีข้อมูลระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนฟื้นตัวขึ้นแล้วก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 96 เซนต์ หรือ 1.11% ปิดตลาดที่ 85.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.75-87 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินและวิกฤตการณ์การเงินของกรีซ จึงแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายโธมัส โฮนิก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ แนะนำให้เฟดคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดให้พิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 17.00 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,153.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,133.30-1,154.20 ดอลลาร์
-- ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์หนี้สินของกรีซ และข่าวที่ว่าเศรษฐกิจในยูโรโซนไม่มีการขยายตัวในไตรมาส 4 ปี 2552 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร อีกทั้งส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลกรีซและเยอรมนีพุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่มีการใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.33% มาอยู่ที่ระดับ 1.3354 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3398 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.15% แตะที่ 1.5246 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5269 ปอนด์/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดขึ้น 0.43% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0731 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0685 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.48% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 93.300 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.750 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้น 0.02% แตะที่ 0.9280 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9278 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.28% แตะที่ 0.7073 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7053 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะพื้นฐานและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานว่าผลผลิตภาคบริการของอังกฤษร่วงลงในเดือนมี.ค.
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 18.29 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 5,762.06 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,753.42-5,782.25 จุด