นายอาห์หมัด ฮุสนี ฮานาสลาห์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคลังมาเลเซียเปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียจะเลื่อนการใช้นโยบายจัดเก็บภาษีสินค้าและการบริการออกไปจนถึงปลายปี 2554 โดยคาดว่า นโยบายดังกล่าวจะช่วยให้รายได้ของรัฐปรับตัวสูงขึ้น และยังช่วยลดยอดขาดดุลงบประมาณลงด้วย
นายอาห์หมัด ฮุสนีเปิดเผยเรื่องดังกล่าวที่เมืองนาตรัง ประเทศเวียดนาม ก่อนที่จะเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มอาเซียน โดยระบุว่าขณะนี้รัฐบาลมาเลเซียยังไม่ได้ตัดสินใจบังคับใช้นโยบายการเก็บภาษีสินค้าและการบริการ พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลจะอนุมัติร่างงบประมาณเพิ่มเติมในปีนี้ เพื่อให้โครงการใหม่ๆดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีบางกระทรวงของมาเลเซียจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้โครงการต่างๆที่รับผิดชอบอยู่นั้น ลุล่วงไปด้วยดี
ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซียคาดว่า การจัดเก็บภาษีสินค้าและการบริการที่ระดับ 4% จะช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 1 พันล้านริงกิต/ปี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะยกเว้นการเก็บภาษีสินค้าทางการเกษตรบางรายการ รวมถึงสินค้าจำพวกปศุสัตว์และเนื้อสัตว์ น้ำตาล ข้าว แป้งมัน น้ำมันปรุงอาหาร และไข่
นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะชะลอการใช้นโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อชาวมาเลย์ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและถอดถอนมาตรการเดิมที่มีการใช้งานกันมานานถึง 39 ปี ซึ่งรัฐบาลมองว่ามาตรการดังกล่าวอาจขัดขวางการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายอาห์หมัด ฮุสนีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้ประชาชนมีเวลาในการปรับตัวก่อนที่จะมีการใช้รูปแบบเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Model -NEM) โดยมีเป้าหมายที่จะพลิกโฉมมาเลเซียให้กลายเป็นประเทศเศรษฐกิจที่มีรายได้สูงและช่วยปูทางให้มาเลเซียก้าวขึ้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2563