ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า กรณีล่าสุดที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบ แต่มองว่าปัญหาการเมืองเป็นปัจจัยระยะสั้น ไม่ควรนำมาประเมินกับภาพรวมเศรษฐกิจในระยะยาว
ขณะที่มุมมองต่อการทบทวนคาดการณ์เศรษฐกิจของไทยคงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์)ที่ออกมาปรับประมาณการจีดีพีของไทยในปีนี้เพิ่มเป็น 6.2% เนื่องจากการส่งออกปรับตัวดีขึ้นมาก และความต้องการภายในประเทศก็ดีขึ้นด้วย
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท.กล่าวว่า ปัญหาด้านการเมืองภายในประเทศ ธปท.จะคำนึงถึงในแง่ของผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ตลาดหุ้นและตลาดเงิน แต่ไมได้ประเมินผลที่มีต่อจีดีพีโดยตรง โดยจะประเมินในแง่ของความเสี่ยงที่อาจมีต่อการลงทุนและการท่องเที่ยว
"อาจมีทำให้จีดีพีเบ้ลงไปบ้าง แต่อย่าเอาปัจจัยระยะสั้นมาประเมินเศรษฐกิจระยะยาว"นายสุชาติ กล่าว
สำหรับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น ในเบื้องต้นคงต้องดูว่ามีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวมากแค่ไหน ส่วนผลกระทบที่มีต่อการลงทุนและการผลิตน่าจะเป็นผลจาก second round effect มากกว่า แต่คงต้อรอให้การเมืองนิ่งก่อนจึงจะสามารถประเมินตัวเลขผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจได้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้เร็วเกินไป เพราะยังประเมินได้ยาก
นายสุชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยจะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปหรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ซึ่งขณะนี้ธนาคารกลางหลายประเทศกลับมาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายและการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ ซึ่งในกรณีของสหรัฐฯ ก็ยังคงมีปัญหาอยู่ แต่ละประเทศปัญหาแตกต่างกัน ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียเติบโตดีกว่ากลุ่ม G-3 ดังนั้น ความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็มีน้อยลง