อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน คาดแนวโน้มปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเดือน เม.ย.53 ลดลง เนื่องจากผลพวงจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ทำให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทสกาลสงกรานต์น้อยลง
"แนวโน้มการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนเมษายนอาจปรับลดลงจากเดือนมีนาคม เนื่องจากประชาชนมีความกังวลต่อการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จากสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินทางได้" นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าว
ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเดือน มี.ค.53 ลดลงจากเดือน ก.พ.53 เล็กน้อย โดยปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินรวมแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 20 ล้านลิตรต่อวัน ปรับลดลง 5% จากเดือน ก.พ.53 ขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็วมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 53.9 ล้านลิตรต่อวัน ปรับลดลง 2% จากเดือน ก.พ.53 เช่นกัน
"เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงปิดภาคเรียน และเป็นช่วงปลายฤดูของพืชผลเกษตรส่งผลให้การใช้น้ำมัน เพื่อการขนส่งสินค้าพืชเกษตรลดลง รวมทั้งเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนจึงมีการเดินทางท่องเที่ยวมากกว่าเดือนมีนาคม" นายพีระพล กล่าว
สำหรับช่วงที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ กรมธุรกิจพลังงานได้เตรียมแผนติดตามเฝ้าระวังการขนส่งน้ำมันทั่วประเทศ หากพื้นที่ใดมีความเสี่ยงจะทำการหลีกเลี่ยงการขนส่งน้ำมัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงยังดำเนินงานตามแผนปกติ
นอกจากนี้ ในเดือน พ.ค.53 กรมธุรกิจพลังงานเตรียมเข้าไปดูแลเรื่องปริมาณการใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีการปิดซ่อมแซมโรงงานแยกก๊าซ 2 แห่งจากทั้งหมด 5 แห่ง จึงทำให้ต้องมีการวางแผนนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศ เพื่อให้สามารถรองรับปริมารการใช้เฉลี่ยที่ 1.54 แสนตันต่อเดือน ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าได้