นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่ธนาคารโลกประเมินอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของไทยปีนี้เป็น 6.2% สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจภูมิภาคที่ปีนี้คาดว่าน่าจะขยายตัวได้ดีเช่นกัน และสอดคล้องกับที่สำนักงานพยากรณ์เศรษฐกิจหลายแห่งที่ได้มีการปรับประมาณการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้จาก 3% เป็น 6%
การปรับคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงปัจจัยภายในประเทศดีขึ้น ในแง่เศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็งมากขึ้น และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับ เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/52 ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูง ดังนั้น จึงมีการปรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่าเศรษฐกิจไทยมีศักยภาพต่อการปรับตัวได้สูงพอสมควรในระยะต่อไป แต่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ดีมากแค่ไหน ขึ้นกับการบริหารจัดการของไทย ประกอบกับ ต้องพิจารณาความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้ล่าสุดเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนในการฟื้นตัว ซึ่งต้องดูว่ามีผลต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหน
นอกจากนั้น ปัญหาการเมืองในประเทศ เป็นประเด็นที่กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แม้ธนาคารโลกมองไทยมีศักยภาพในการขยายตัวได้ดี แต่จะขยายตัวได้มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับการบริหารความท้าทาย
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะนำปัจจัยปัญหาการเมืองและการจัดการความท้าทาย ที่ถือเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย มาพิจารณาถึงผลกระทบต่อคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะ 18 เดือนข้างหน้า รวมถึงผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ เพื่อกำหนดดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสม