ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ รวมทั้งการที่กรีซต้องเผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมในตลาดการเงินภายในประเทศที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระบุว่ากรีซไม่มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3348 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.3340 ยูโร/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.1% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.330 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.340 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.05% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0736 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.0741 ฟรังค์/ดอลลาร์ และร่วงลง 0.17% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.5266 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5240 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.13% แตะที่ 0.9279 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9267 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.21% แตะที่ 0.7056 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7071 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินยูโรสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากนายทริเชต์แสดงความเชื่อมั่นว่ากรีซไม่มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมกันวางแผนช่วยเหลือกรีซอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากรัฐบาลกรีซกล่าวว่ายอดขาดดุลงบประมาณลดลง 40% ในไตรมาสแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์หนี้สินของกรีซ โดยเฉพาะต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน
ธนาคารกลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1% เป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนยังได้คาดการณ์ด้วยว่า อีซีบีจะคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะเปราะบาง
ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่แบงก์ชาติอังกฤษตัดสินใจระงับโครงการดังกล่าวเอาไว้ก่อน