สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) โดยเป็นการปิดเหนือระดับ 1,160 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เหตุนักลงแห่ซื้อทองคำเนื่องจากเชื่อว่าปลอดภัย หลังความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการเงินกรีซทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง
สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ดีดขึ้น 9 ดอลลาร์ แตะที่ระดับ 1,161.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,150.40 - 1,165.80 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่สัญญาโลหะเงินเดือนพ.ค.ปิดที่ 18.351 ดอลลาร์/ออนซ์ ดีดขึ้น 22.4 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.35 เซนต์ ปิดที่ 3.59 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,727.4 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่ง 10.3 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 513.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 10.10 ดอลลาร์
ดัชนี ICE Futures ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินดอลลาร์เปรียบเทียบกับหกสกุลเงินหลัก ร่วงลง 0.54% ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ เงินยูโรอ่อนค่าลงจากความกังวลว่ากรีซจะผิดนัดชำระหนี้
โดยเมื่อวันศุกร์ ฟิทช์ เรทติงส์ ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซลงอีกสองขั้นมาอยู่ที่ระดับ BBB- เมื่อวันศุกร์ พร้อมคงแนวโน้มเครดิตเป็นลบ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับทบทวนลงอีก และจะทำให้อันดับเครดิตของกรีซร่วงลงสู่ระดับขยะ
ฟิทช์ระบุว่า การลดอันดับครั้งล่าสุดนี้ สะท้อนว่าสถานการณ์ด้านการคลังที่กรีซเผชิญอยู่นี้ได้เพิ่มความท้าทายมากขึ้น ตลอดจนยังไม่มีกลไกความช่วยเหลือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพและชัดเจนเป็นรูปธรรมจากอียูและไอเอ็มเอฟ ซึ่งความกังวลดังกล่าวบั่นทอนเสถียรภาพของยูโรโซนและส่งผลกระทบต่อค่าเงินยูโร
อย่างไรก็ดี ความกังวลดังกล่าวคลี่คลายลงได้ไม่มากก็น้อย เมื่อรมว.คลังกรีซออกมาเผยว่า กำลังมีการพูดคุยกันในรายละเอียดถึงวิธีการที่จะนำมาตรการช่วยเหลือกรีซซึ่งที่ประชุมอียูได้ตกลงร่วมกันเมื่อเดือนที่แล้วมาใช้อย่างได้ผล หากกรีซต้องการ
คำกล่าวของรมว.กรีซมีขึ้น หลังจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรป ฌอง-คล้อด ทริเชต์ เพิ่งกล่าวแสดงความเห็นเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เรื่องผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับกรีซ ซึ่งจะเป็นความพยายามที่จะลดกระแสความวิตกกังวลของตลาดเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ
จอร์จ เกโร นักวิเคราะห์จากอาร์บีซี โกลบอล ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า มติของกรีซ ณ เวลานี้ ได้ช่วยพยุงให้ยูโรไต่ขึ้น และช่วยหนุนตลาดโลหะทั้งหมด
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์และดอลลาร์จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงข้ามกัน โดยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีความน่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือเงินสกุลอื่น