BOI ปลื้มผลโรดโชว์สหรัฐฯ ยักษ์ใหญ่ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เล็งขยายลงทุนในไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 12, 2010 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากการเดินทางไปจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนที่ซานฟรานซิสโก และลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยได้รับความสนใจจากกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ซึ่งต้องการขยายการลงทุนในประเทศไทย

ทั้งนี้ คณะของบีโอไอได้พบปะหารือกับบริษัท เวสเทิร์นดิจิตอล และบริษัท ฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ จำกัด ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์รายใหญ่ของโลกที่ลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว และทั้ง 2 รายเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาค รวมทั้งมีแผนที่จะขยายการลงทุนต่อเนื่องระยะยาวในประเทศไทย

"หากทั้ง 2 รายขยายการลงทุน ก็จะเป็นการลงทุนด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่เคยมีการผลิตในประเทศไทยมาก่อน รวมทั้งจะช่วยทำให้ประเทศไทยมีกำลังการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เพิ่มขึ้น และทำให้ไทยสามารถผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ได้หลากหลายขึ้นอีกด้วย" เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

นอกจากนี้บีโอไอยังได้พบปะหารือกับบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจด้านซอฟต์แวร์แอนิเมชั่น และโรงถ่ายภาพยนตร์ในสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าบริษัทมีแผนที่จะเข้ามาลงทุนตั้งมูฟวี่ทาวน์แบบครบวงจรในประเทศไทยด้วยวงเงินลงทุนหลายพันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสร้างการจ้างงานและสร้างรายได้เข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมากในอนาคต

นางอรรชกา กล่าวว่า คณะของบีโอไอได้หารือกับนักธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อรับทราบถึงปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนโอกาสสำหรับการลงทุนของคนไทยในสหรัฐฯ เพื่อนำมากำหนดแนวทางในการสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศด้วย ซึ่งโอกาสของนักธุรกิจไทยในสหรัฐฯ ยังเปิดกว้างอยู่ และรัฐบาลสหรัฐฯ ก็มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศด้วย

ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศเป้าหมายที่สำคัญประเทศหนึ่งในการชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศของบีโอไอ และได้จัดกิจกรรมโรดโชว์ และพบปะกับนักธุรกิจเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องมือ เครื่องจักร อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเทคโนชีวภาพ อุตสาหกรรมมูลค่าสูง เช่น ซอฟต์แวร์ พลังงานทดแทน เป็นต้น

ทั้งนี้ในปี 52 มีโครงการจากสหรัฐฯ ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 56 โครงการ สูงกว่าปีก่อนหน้า 22 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 34,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จากปี 51 ซึ่งนับว่ามีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงเป็นอันดับ 3 รองจาก ญี่ปุ่น และจีน สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มี.ค.53) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนแล้ว 2 โครงการ มูลค่า 38 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ