สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวในอัตรา 11.9%ต่อปี คิดเป็นมูลค่าโดยรวม 8.06 ล้านล้านหยวน หรือ 1.19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 11.7%
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลข GDP ไตรมาสแรกที่ขยายตัวเกินคาดของจีนอาจบีบให้นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับขึ้นค่าเงินหยวนในไม่ช้านี้ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค. และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน
รัฐบาลจีนพยายามทุกวิถีทางที่จะควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้ขยายตัวร้อนแรงเกินไป เพราะกังวลว่าจะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ โดยล่าสุดธนาคารกลางจีนได้เปิดประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 ปี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านหยวน หรือ 2.2 พันล้านดอลลาร์ ในตลาดซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการขายตั๋วเงินคลังครั้งแรกนับตั้งแต่กลางปี 2552 โดยมีเป้าหมายที่จะดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบการเงิน และเพื่อควบคุมปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ ด้วยการให้อัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังสูงถึง 2.75% และมีระยะเวลาการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังที่นานขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังพยายามลดปริมาณการปล่อยกู้ใหม่ลง 22% ในปีนี้ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2552 ที่ 9.59 ล้านล้านหยวน หลังจากที่มีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศเพิ่มการกันสำรองสภาพคล่องถึงสองครั้งในปีนี้