ราจัต นาก กรรมการผู้จัดการของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) กล่าวให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดว่า เศรษฐกิจเอเชียอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากผ่านพ้นวิกฤตการเงินโลกในปีที่แล้ว พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้ประเทศในเอเชียวางแผนเพื่อรองรับการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอดีบีกล่าวว่า "เราคิดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียค่อนข้างมั่นคง โดยเป็นการฟื้นตัวแบบรูปตัววี"
โดยเอดีบีได้คาดการณ์ในรายงาน ''Asian Development Outlook 2010'' เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะขยายตัว 7.5% ในปีนี้ และ 7.3% ในปีหน้า ซึ่งมากกว่าอัตราการขยายตัวปีที่แล้วที่ 5.2% แต่ต่ำกว่าตัวเลข 9.6% ในปี 2550
เขากล่าวต่อไปว่า เอเชียควรจะเริ่มวางแผนรองรับการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเงินที่รัฐบาลได้นำมาใช้เมื่อปีที่แล้ว โดยเขากล่าวว่า "ประเด็นสำคัญก็คือ อย่าถอนมาตรการเร็วเกินไป แต่เราเชื่อว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้" พร้อมกับแนะด้วยว่า ประเทศต่างๆควรกลับไปใช้นโยบายการเงินและการคลังที่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ดังเช่นที่เคยประสบความสำเร็จในเอเชียมาแล้วในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 และต้นทศวรรษ 2000
นอกจากนี้ นายนากยังได้เรียกร้องให้เอเชียมีความยืดหยุ่นในด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยระบุว่า สกุลเงินในเอเชียควรจะสะท้อนปัจจัยพื้นฐาน มีความยืดหยุ่น และมีความสอดคล้องกัน โดยถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะมีการประสานงานกันด้านนโยบายภายในภูมิภาค ทั้งเรื่องการเงิน การคลัง และอัตราแลกเปลี่ยน
เขายังได้ผลักดันให้มีการปรึกษาหารือกันในกลุ่มรมว.คลังกลุ่มอาเซียน+3 ชี้การประสานงานกันถือเป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งเอเชียก็กำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางดังกล่าว
กรรมการผู้จัดการของเอดีบียังได้แสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยด้วยว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคมากนัก เนื่องจากมีจีนและอินเดียเป็นกำลังหลักที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจ โดยเอดีบียังคงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวมที่ราว 5% ในปีนี้และปีหน้า