ราจัต นาก กรรมการผู้จัดการของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กล่าวในวันนี้ว่า จีนควรคุมเข้มนโยบายการเงิน การคลัง และอัตราแลกเปลี่ยน มิเช่นนั้นก็อาจจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงเรื่องราคาที่อยู่อาศัยเกิดภาวะฟองสบู่ และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งทะยาน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอดีบีกล่าวว่า จีนควรร่วมมือกับประเทศอื่นๆในเอเชียเพื่อลดรายจ่าย ขึ้นดอกเบี้ย และการปรับค่าเงิน ในขณะที่เศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในปีนี้ โดยเอดีบีมีความเห็นว่า รัฐบาลในเอเชียจำเป็นต้องเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้แล้ว ซึ่งจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวขึ้นในระดับปานกลาง แทนที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากภาวะถดถอยทั่วโลกในปีที่แล้ว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นมูลค่า 4 ล้านล้ายหยวน (5.86 แสนล้านดอลลาร์) รวมถึงการที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อสูงเป็นประวัติการณ์แก่โครงการก่อสร้างและอื่นๆ
เขากล่าวว่า จีนควรเดินหน้ามาตรการคุมเข้มต่างๆที่ได้ประกาศไว้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการจำกัดการปล่อยเงินกู้แก่ผู้ซื้อที่มีบ้านอยู่แล้วสองหลังขึ้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์
"เรายินดีที่ทางการจีนเริ่มเดินหน้าลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯ" กรรมการผู้จัดการของเอดีบีกล่าว
นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่า การปรับค่าเงินหยวนจะช่วยลดความไม่สมดุลทางการค้า และพัฒนาตลาดภายในประเทศของจีน