บริติช แอร์เวย์ส เปิดเผยว่า สายการบินได้ขอให้สหภาพยุโรป (อียู) และรัฐบาลอังกฤษจ่ายเงินชดเชย หลังจากที่สายการบินได้รับความเสียหายเป็นมูลค่าถึงวันละ 20 ล้านปอนด์ (30 ล้านดอลลาร์) จากการปิดน่านฟ้าอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุในไอซ์แลนด์
วิลลี่ วอลช์ ซีอีโอของบริติช แอร์เวย์ส กล่าวว่า สถานการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งต่อลูกค้าและตัวสายการบินเอง สายการบินของยุโรปจึงจำเป็นต้องขอให้อียูและรัฐบาลของแต่ละประเทศจ่ายเงินชดเชยความเสียหายในครั้งนี้ พร้อมกับกล่าวว่า การเรียกร้องค่าชดเชยในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เนื่องจากสายการบินอื่นๆก็เคยทำเช่นนี้มาก่อนเมื่อครั้งเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 ซึ่งทำให้สหรัฐสั่งปิดน่านฟ้า
"เรายังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าของเราอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมของทุกสายการบิน" เขากล่าว
ทั้งนี้ สายการบินต่างๆไม่สามารถนำเครื่องบินผ่านและขึ้นลงสนามบินหลายแห่งในยุโรปได้ เนื่องจากภูเขาไฟพ่นเถ้าถ่านปกคลุมทั่วยุโรป จนเป็นเหตุให้หลายประเทศในยุโรปตัดสินใจปิดน่านฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุร้ายแรงทางการบินที่อาจเกิดขึ้นได้จากเถ้าถ่านของภูเขาไฟ แต่การตัดสินใจดำเนินการดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับสายการบินต่างๆและได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อียูเกี่ยวกับวิธีการรับมือวิกฤตครั้งนี้ พร้อมทั้งกดดันให้มีการเปิดน่านฟ้าโดยเร็วที่สุด
เมื่อวันอาทิตย์ บริติช แอร์เวย์ส ได้ทดสอบเที่ยวบินเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเพื่อประเมินความเสียหายจากเถ้าถ่าน และขณะนี้อยู่ในระหว่างวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งได้จากเที่ยวบินดังกล่าว