ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ ทั้งจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู)
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.33% แตะที่ระดับ 1.3392 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3436 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.20% แตะที่ระดับ 1.5401 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5370 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.05% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 93.180 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 93.230 เยน/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0698 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0683 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.44% แตะที่ 0.9277 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9318 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.20% แตะที่ 0.7100 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7114 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินยูโรร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ห้าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเศรษฐกิจยุโรป รวมทั้งความล่าช้าในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ และต้นทุนการกู้ยืมของกรีซที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี
รายงานระบุว่า รัฐบาลกรีซได้เริ่มการเจรจากับเจ้าหน้าที่อียูและไอเอ็มเอฟในวันพุธ เกี่ยวกับข้อตกลงความช่วยเหลือซึ่ง อาจเสนอเงินกู้ให้กับกรีซ 4-4.5 หมื่นล้านยูโร อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่จะมีการสรุปแผนการให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซทำให้นักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์สหรัฐเพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา หลังจากธนาคารกลางแคนาดาส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของแคนาดายืนอยู่ที่ 0.25% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25%
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่นักลงทุนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ โดยวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.