กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในอัตรา 4.2% ในปี 2553 และจะขยายตัว 4.3% ในปี 2554 ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้
ไอเอ็มเอฟกล่าวในรายงาน "World Economic Outlook" ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นมากกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้ว่าการฟื้นตัวในกลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า แต่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนามีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จะขยายตัว 2.3% ในปีนี้ และขยายตัว 2.4% ในปีหน้า หลังจากเศรษฐกิจในประเทศกลุ่มนี้หดตัวลงกว่า 3% ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ คาดว่ากลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาจะขยายตัวมากกว่า 6.3% ในปีนี้ และ 6.5% ในปีหน้า หลังจากมีการขยายตัวปานกลาง 2.4% ในปีที่แล้ว
นายโอลิเวอร์ บลองชาร์ด หัวหน้านักวิเคราะห์ของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า "ในบรรดากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่ดีกว่ายุโรปและญี่ปุ่น ส่วนเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะเป็นกำลังสำคัญในการหนุนเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจในบางประเทศของยุโรปและบางประเทศที่เป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษจะยังคงล้าหลังประเทศอื่น"
ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 3.1% ในปีนี้ และ 2.6% ในปีหน้า หลังจากหดตัวลง 2.4% ในปีที่แล้ว ส่วนเศรษฐกิจในยุโรปมีแนวโน้มขยายตัว 1.0% ในปีนี้ และ 1.5% ในปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัว 1.9% ในปีนี้ และ 2.0% ในปีหน้า หลังจากหดตัวลง 5.2% ในปีที่แล้ว ส่วนเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะขยายตัว 10% ทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 8% และคาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัว 8.8%
นอกจากนี้ รายงานของไอเอ็มเอฟระบุว่า อัตราการอุปโภคบริโภคในภูมิภาคเอเชียใต้จะแข็งแกร่งเนื่องจากการจ้างงานฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ภูมิภาคดังกล่าวยังจะได้แรงหนุนจากประสิทธิภาพการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวขึ้น และสภาวะการเงินที่เอื้ออำนวยต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า ระบบการเงินทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยให้มูลค่าการปรับลดสินทรัพย์ทางบัญชีของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกปรับตัวลงสู่ระดับ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ สถานะด้านเงินทุนของธนาคารพาณิชย์ก็ฟื้นตัวขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่นอน รวมทั้งความเสี่ยงที่หลายประเทศจะเผชิญกับตัวเลขหนี้สินสาธารณะ โดยเฉพาะกลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกและในยุโรป นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟเตือนว่าการที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งในสหรัฐและยุโรป ขาดทุนจากการปล่อยเงินกู้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะเปราะบาง สำนักข่าวซินหัวรายงาน