กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในรายงาน "World Economic Outlook" ว่า จีนควรปล่อยเงินหยวนให้แข็งค่าเพื่อควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้ขยายตัวมากเกินไป ขณะเดียวกันไอเอ็มเอฟยังเรียกร้องให้ญี่ปุ่นขยายระยะเวลาการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศยังเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเงินฝืด
รายงานของไอเอ็มเอฟระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียที่ไม่มีส่วนในการผลักดันเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัว ขณะที่ประเทศอื่นๆในเอเชียขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง เพราะได้แรงหนุนจากอัตราการลงทุนและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่สูงขึ้นในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางในหลายประเทศต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ไอเอ็มเอฟยังกล่าวด้วยว่า การประชุมรัฐบาลรัฐมนตรีคลังของประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศที่กำลังพัฒนาในกลุ่ม G20 ซึ่งจะประชุมร่วมกันในวันพรุ่งนี้ที่กรุงวอชิงตันนั้น ควรจะมีการหารือกันเรื่องนโยบายร่วมเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างแข็งแรง ส่วนสกุลเงินในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ของเอเชียยังคงอ่อนแอน โดยเฉพาะสกุลเงินหยวนของจีน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จีนจะปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น เพื่อควบคุมเศรษฐกิจและสินเชื่อภายในประเทศไม่ให้ขยายตัวมากเกินไป
การแสดงความคิดเห็นของไอเอ็มเอฟสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของผู้นำทั้งในสหรัฐ อินเดีย บราซิล และยุโรป ที่ต้องการให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐที่เสนอให้มีการใช้กฎหมายนำเข้าสินค้าจากจีน เพื่อตอบโต้จีนที่ตรึงเงินหยวนให้อ่อนค่าเพื่อหวังผลด้านการส่งออก
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 10% ทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 8% และคาดว่า เศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัว 8.8% ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดว่า จะขยายตัว 1.9% ในปีนี้ และ 2.0% ในปีหน้า หลังจากหดตัวลง 5.2% ในปีที่แล้ว