สัญญาทองคำนิวยอร์กปิดพุ่งสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) หลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่กรีซได้เดินหน้าเจรจาขอเงินกู้ในวงเงินกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 10.8 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,153.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,136.2 - 1,155.4 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ไต่ระดับขึ้น 18.3 เซนต์ ปิดที่ 18.192 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาทองแดงเดือนพ.ค.ขยับขึ้น 2.65 เซนต์ ปิดที่ 3.5130 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนก.ค.ลดลง 2.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,741.7 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนมิ.ย.ตกลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 563.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ทั่วโลกกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของกรีซที่เปิดฉากหารือเรื่องมาตรการความช่วยเหลือฉุกเฉินกับอียูและไอเอ็มเอฟโดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายปัญหาขาดดุลงบประมาณ ขณะที่เยอรมนีให้คำมั่นว่าประเทศพร้อมที่จะสนับสนุนเงินช่วยเหลือกรีซอีกแรงหนึ่ง ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลต่อปัญหาหนี้สินในกลุ่มทวีปยุโรป และส่งผลให้มีการแห่ซื้อเงินยูโรตามมา ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังหันมาเข้าถือครองสินทรัพย์ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงกันมากขึ้น หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่ในเดือนมี.ค.ที่พุ่งสูงขึ้นถึง 27% แตะระดับ 411,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อนหน้านี้