รัฐบาลจีนเดินหน้าใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเงินในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ ด้วยการออกข้อกำหนดให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ยื่นแผนการระดมทุนต่อหน่วยงานของรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังสั่งการให้กระทรวงที่ดินและทรัพยากรตรวจสอบว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการใช้ที่ดินตรงตามข้อกำหนดหรือไม่
มาตรการล่าสุดมีขึ้นหลังจากรัฐบาลเพิ่งประกาศควบคุมการปล่อยเงินกู้แก่ผู้ซื้อบ้านหลังที่สาม พร้อมกับเพิ่มวงเงินการจ่ายเงินดาว และขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อซื้อบ้านในเดือนนี้ หลังจากมีข้อมูลว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เขตเมืองของจีนทะยานขึ้น 11.7% ในเดือนมี.ค. ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาสแรกของจีนขยายตัวในอัตรา 11.9% ซึ่งทำให้รัฐบาลจีนต้องเร่งใช้มาตรการควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้ขยายตัวมากเกินไป
ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดจัดหาเงินกู้ล็อตใหม่ของธนาคารณิชย์จีนที่ปล่อยให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.45 แสนล้านหยวน ส่วนในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.นั้น ยอดปล่อยกู้แก่ตลาดอสังหาฯเพิ่มขึ้น 44.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลจีนพยายามทุกวิถีทางที่จะควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้ขยายตัวร้อนแรงเกินไป เพราะกังวลว่าจะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ โดยล่าสุดธนาคารกลางจีนได้เปิดประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 ปี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านหยวน หรือ 2.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการขายตั๋วเงินคลังครั้งแรกนับตั้งแต่กลางปี 2552 โดยมีเป้าหมายที่จะดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบการเงิน และเพื่อควบคุมปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ ด้วยการให้อัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังสูงถึง 2.75% และมีระยะเวลาการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังที่นานขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังพยายามลดปริมาณการปล่อยกู้ใหม่ลง 22% ในปีนี้ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2552 ที่ 9.59 ล้านล้านหยวน หลังจากที่มีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศเพิ่มการกันสำรองสภาพคล่องถึงสองครั้งในปีนี้