เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้านี้ เนื่องจากความเคลื่อนไหวของกรีซในการเดินหน้าขอเงินกู้ 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากสหภาพยุโรป (อียู) ไม่สามารถบรรเทาความวิตกกังวลของนักลงทุนที่เกรงว่ากรีซอาจไม่สามารถแก้วิกฤตการเงินภายในประเทศได้
นอกจากนี้ เงินยูโรยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ที่ซื้อขายกันในตลาดปริวรรตเงินตรา ขณะที่นักลงทุนต้องการให้กรีซจ่ายส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปีที่เรียกเก็บจากเยอรมนีถึง 3 เท่า ขณะที่นายจอร์จ ปาปาคอนสแตนตินู รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกรีซกล่าวว่า รัฐบาลของเขาได้เดินหน้าขอความช่วยเหลือทางการเงินฉุกเฉินก่อนถึงกำหนดวันชำหระหนี้กลางเดือนหน้า
ณ เวลา 8:47 น.ตามเวลาโตเกียว เงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3371 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3384 ดอลลาร์/ยูโรที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และลดลงสู่ระดับ 125.65 เยน/ยูโร จากระดับ 125.73 เยน/ยูโร ส่วนเงินดอลลาร์ทรงตัวในระดับเดิมเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 93.97 เยน/ดอลลาร์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การขอเงินกู้เพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยบดบังความเสี่ยงเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของกรีซแต่อย่างใด และนักลงทุนยังคงปลีกตัวออกจากสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินยูโร
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกรีซระยะ 2 ปีดีดตัวขึ้นสูงสุดที่ระดับ 10.57% เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลกรีซเปิดฉากเจรจากับสภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวกลับไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชำระหนี้ของกรีซลงได้ เพราะตลาดมองว่ายอดขาดดุลบัญชีของกรีซจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปีนี้