ธนาคารโลก และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้เสร็จสิ้นการประชุมที่กรุงวอชิงตันแล้ว โดยที่ประชุมมีมติให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิ์ออกเสียงเพิ่มขึ้นในธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและพัฒนาการ (IBRD) อีก 3.13% เป็น 47.19%
นายโรเบิร์ต โซลิก ประธานธนาคารโลกกล่าวภายหลังการประชุมว่า มติที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมของธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการเพิ่มบทบาทและอำนาจการออกเสียงในธนาคารโลกของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และถือเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมติในครั้งนี้จะช่วยให้อำนาจในการออกเสียงของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 4.42% จากเดิม 2.77% ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีสิทธิ์ออกเสียงรายใหญ่อันดับสาม รองจากสหรัฐและญี่ปุ่น
ส่วนสิทธิ์การออกเสียงของบราซิลเพิ่มขึ้นเป็น 2.24% จากเดิม 2.06% และสิทธิ์การออกเสียงของอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 2.91% จากเดิม 2.77%
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการร่วมของธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟยังมีมติเพิ่มทุนให้กับธนาคาร IBRD อีก 8.62 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบไปด้วยเงินเพิ่มทุนทั่วไปมูลค่า 5.84 หมื่นล้านดอลลาร์ และเงินเพิ่มทุนแบบเลือกพิจารณาเป็นกรณี มูลค่า 2.78 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้วยการเพิ่มข้อกำหนดทางกฎหมายผ่านทางการปฏิรูปสิทธิการออกเสียงและการระดมทุนเช่นนี้ จะช่วยให้ธนาคารโลกมีความแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ในการนำพาเศรษฐกิจทั่วโลกให้สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ในปัจจุบันและปัญหาในอนาคตได้
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการร่วมของธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟ ย้ำว่า นานาประเทศจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่ว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้จริงหรือไม่ พร้อมกับเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อช่วยเหลือประเทศยากจน และบรรลุเป้าหมาย "Millennium Development Goals" ภายในปี 2558 สำนักข่าวซินหัวรายงาน