ร่างกฎหมายการปฏิรูปกฎระเบียบด้านการเงินซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่ผ่านการหยั่งเสียงในวุฒิสภาสหรัฐ เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาได้ลงคะแนนเสียง 57 ต่อ 41 เสียง ซึ่งบ่งชี้ว่าสมาชิกมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันมากเกินไป
ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตลงคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 57 เสียง ซึ่งต่ำกว่า 60 เสียงที่จำเป็นต่อการผลักดันสู่การปฏิรูปกฎระเบียบด้านการเงิน ขณะที่เสียงคัดค้านจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลีกินมีมากถึง 41 เสียง นอกจากนี้มีรายงานว่า วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต 2 คนออกเสียงคัดค้าน และวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน 2 คนงดออกเสียง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีโอบามามีความมุ่งมั่นผลักดันให้มีการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปกฎระเบียบด้านการเงิน หลังจากประสบความสำเร็จในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ โดยข้อเสนอในแผนการปฏิรูปภาคการเงินของคณะทำงานโอบามานั้น มีจุดมุ่งหมายที่จะสกัดกั้นแนวคิดที่ว่าสถาบันการเงินบางแห่ง "มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้มละลายได้" และป้องกันไม่ให้มีการฟื้นฟูกิจการแบบที่ทำกับบริษัท AIG ขึ้นอีก
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะยุติการปล่อยสินเชื่อบ้านและบัตรเครดิตที่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค และตรวจสอบการซื้อขายตราสารอนุพันธ์นอกตลาดที่มีวงเงิน 450 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะการค้าตราสารอนุพันธ์ในลักษณะเช่นนี้ทำให้วิกฤติการเงินมีขนาดขยายใหญ่ขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยนายคริสโตเฟอร์ ดอดด์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภากล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเพิ่มภาระให้กับประชาชนผู้เสียภาษีและอาจจะไม่สามารถป้องกันสหรัฐเข้าสู่วิกฤตการณ์การเงินรอบสองในอนาคตได้
ด้านประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่า เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากที่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันคัดค้านร่างกฎหมายปฏิรูปการเงินในการหยั่งเสียงครั้งนี้