อับดุล ราจิบ ลาทีฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด (International Rubber Consortium Limited หรือ IRCO) คาดการณ์ว่า ราคายางธรรมชาติจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงไปจนถึงเดือนมิ.ย. เนื่องจากซัพพลายจาก 3 ประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่สุดของโลกยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และดีมานด์จากบริษัทผลิตรถยนต์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายลาทีฟกล่าวว่า ราคายางธรรมชาติจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากยอดขายรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณการฟื้นตัว โดยคาดว่าในไตรมาสที่สองนี้ ราคายางธรรมชาติโดยเฉลี่ยจากประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เคลื่อนไหวในช่วง 3.20-3.30 ดอลลาร์/กิโลกรัม ส่วนราคาโดยเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 3.19 ดอลลาร์
นอกจากนี้ นายลาทีฟกล่าวว่า ภาวะซัพพลายตึงตัวในตลาดยางจะผ่อนคลายลงหลังจากช่วงกลางเดือนพ.ค.นี้ เนื่องจากปริมาณการผลิตเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ถึงกระนั้นก็ตามสัดส่วนของซัพพลายยังอยู่ในระดับที่ตึงตัว หากเทียบกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในประเทศไทยนั้น เดือนก.พ.-เม.ย.ของทุกปีจะเป็นช่วงที่ผลผลิตยางตกต่ำเนื่องจากต้นยางผลัดใบและให้น้ำยางน้อยลง
ทั้งนี้ นายลาทีฟเชื่อว่า เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางรายใหญ่ของโลก จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตหรือส่งออกยางของไทย เนื่องจากการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเกิดขึ้นในจังหวัดกรุงเทพฯ แต่ฐานการผลิตยางส่วนใหญ่ของไทยอยู่ในพื้นที่ภาคใต้
IRCo เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มผู้ปลูกและผู้ส่งออกยางพาราในประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งสามารถผลิตยางได้ 7 ล้านตัน/ปี หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของผลผลิตยางธรรมชาติทั่วโลก
ศูนย์ศึกษาอุตสาหกรรมยางระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้น 9% ในปีนี้ มาอยู่ที่ระดับ 10.4 ล้านตัน