รัฐบาลโปรตุเกสและพรรคฝ่ายค้านใหญ่สุดของประเทศตัดสินใจที่จะหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมมือกันนำพาประเทศบรรลุเป้าหมายด้านการคลัง หลังจากที่มีความเสี่ยงสูงว่าโปรตุเกสอาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้กรีซที่กำลังลุกลามไปทั่วภูมิภาค
โฆเซ่ โซคราติส นายกรัฐมนตรีโปรตุเกส และ เปโดร ปาสโซส โคเอโญ ที่เพิ่งได้เลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (เอสดีพี) จะร่วมกันติดตามสถานการณ์ทางการเงินและหาวิธีรับประกันว่า โปรตุเกสจะสามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเรื่องการลดยอดขาดดุลงบประมาณจาก 9.4% ให้เหลือ 2.8% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2556
โดยระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงลิสบอนหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกันวานนี้ นายโซคราติสกล่าวว่า รัฐบาลโปรตุเกสจะเร่งดำเนินแผนเพิ่มภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สิน (capital gains tax) การคิดค่าธรรมเนียมการใช้ถนนในอัตราใหม่ และการลดรายจ่ายด้านการว่างงานและสวัสดิการสังคมอื่นๆ นอกจากนี้ ผู้มีรายได้สูงจะต้องจ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านเพื่อการผ่านกฎหมายในรัฐสภา
ด้านโคเอโญกล่าวว่า "เราถือผลประโยชน์ของโปรตุเกสเป็นเรื่องสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด และจะสนับสนุนรัฐบาลในการใช้ทุกมาตรการเพื่อลดการขาดดุล"
ทั้งนี้ ภาคการเงินสาธารณะของกรีซกลายเป็นประเด็นเด่นที่ถูกจับตาในปีนี้ เมื่อนักลงทุนเริ่มวิตกเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือทางเครดิตของประเทศ และกังวลว่าโปรตุเกสอาจเป็นจุดอ่อนในยูโรโซนต่อจากกรีซ โดยล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านม่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ประกาศลดอันดับเครดิตของโปรตุเกสอีกสองขั้นสู่ระดับ A-